เจ๊อ้อย ลั่นดำเนินคดี "ทนายชื่อดัง" ให้ถึงที่สุด ย้ำไม่เคยให้เงิน 71 ล้านบาทโดยเสน่หา ขณะที่ "ทนายเดชา" ตั้งข้อสังเกต เหตุตำรวจยังไม่แจ้งข้อหา น่าจะมาจากสาเหตุนี้..

ทนายเดชา สงสัยสอบปากคำ "เจ๊อ้อย" กว่า20ชั่วโมง ทำไมไม่แจ้งข้อหา "ทนายดัง"

ขณะเดียวกัน นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ไลฟ์ในเพจทนายคลายทุกข์ โดยมีบางช่วงบางตอน กล่าวถึงเรื่องเจ๊อ้อย แจ้งความดำเนินคดี "ทนายตั้ม" ฐานฉ้อโกงประชาชน 71 ล้านบาท พร้อมยืนยัน ไม่ได้ให้โดยเสน่หา โดยตั้งข้อสังเกตว่า การที่ตำรวจยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา "ทนายตั้ม" ส่วนหนึ่งหลักฐานอาจจะยังไม่เพียงพอ ในการที่จะออกหมายเรียก หรือ หมายจับ

ทั้งนี้ ทนายเดชา ยังกางข้อกฎหมาย ระบุถึงข้อหาฉ้อโกง ว่าเข้าข่ายหรือไม่ว่า ข้อต่อสู้เรื่องอายุความ คดีฉ้อโกง อาจจะหมดหรือไม่ ซึ่งอาจจะถูกหยิบยกมาเป็นข้อต่อสู้ หรือ อาจจะเข้าข่ายความผิดผิดสัญญาหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ทนายเดชา ยอมรับ ว่าส่วนตัวมีความเชื่อตามคำพูดของ "เจ๊อ้อย" เพราะมีข้อสงสัยลูกความทำไมถึงต้องให้เงินทนายความจำนวนมากขนาดนั้น แต่เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบอีกยาว

เจ๊อ้อยใจสลาย แตกหัก ทนายดัง ลั่นไม่ยอมความ ปิดประตูเจรจาไกล่เกลี่ย

กลางดึกวานนี้ (1พ.ย.67) นางจตุพร อุบลเลิศ (เจ๊อ้อย) เศรษฐินีชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งแจ้งความเอาผิดทนายชื่อดัง เปิดใจหลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามนานกว่า 11 ชั่วโมง ว่า รู้สึกสบายใจมากขึ้น ไม่มีความกังวลอะไร หลังเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดการให้ปากคำ เพราะเกรงว่าจะกระทบรูปคดี

เจ๊อ้อย ยืนยันอีกครั้งว่า ไม่เคยให้เงิน 71 ล้านบาทกับทนายชื่อดังด้วยความเสน่หา และ จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ หรือ เจรจาใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเขาไม่เคยติดต่อมา ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานหลายเดือนแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนเคยช่วยเหลือกันมา ดูแลเหมือนคนในครอบครัว พอรู้ระแคะระคายบางเรื่องจึงกลายเป็นจุดแตกหัก ด้วยความรู้สึกหัวใจสลาย

ด้านนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความ เปิดเผยว่า การให้ปากคำในวันนี้มีการเพิ่มเติมลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น ซึ่งการให้ปากคำในตลอด 2 วันที่ผ่านมา ถือว่าคืบหน้าไปแล้ว 60% และ ยังได้นำพยานหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารมาให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมด้วย

ส่วนกรณีที่ทนายความชื่อดังออกมายืนยันว่า จะไม่มีทางคืนเงิน 71 ล้านบาท พร้อมต่อสู้ในชั้นศาลนั้น นายสมชาติ มองว่า เป็นแนวทางการต่อสู้ของเขา แต่ทางเรามีพยานหลักฐาน และมีแนวทางการต่อสู้คดีเหมือนกัน ย้ำไม่ใช่การให้โดยเสน่หาอย่างแน่นอน

กรณีรถเบนซ์สีดำของเจ๊อ้อย ที่มีข่าวว่าคู่กรณีนำไปให้ชาวต่างชาติ หรือกลุ่มจีนเทาเป็นผู้ใช้รถนั้น ยอมรับว่า ได้ข้อมูลเหมือนกับสื่อมวลชน ซึ่งเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่ที่มีข่าวว่าคู่กรณีขอหนังสือเดินทางเพื่อไปยุโรปนั้น ส่วนตัวไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ยืนยันว่า ต่อให้หลบหนีไปต่างประเทศ ก็ไม่ทำให้หนักใจ เพราะเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ