เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ทีมข่าวช่อง 8 ได้ข้อมูลจากชาวบ้านมาว่ารถปอร์เช่ คาเยนน์ คันสีฟ้า คาดว่าเป็นของนางสาริณี และนายนุ ได้ไปจอดทิ้งไว้ที่ซอยรามคำแหง 21 แยก 3 โดยชาวบ้านให้ข้อมูลอีกว่า รถปอร์เช่คันดังกล่าวน่าจะมาจอดไว้ก่อนที่ตำรวจจะลงมาตรวจค้นที่บ้านเซียนพระ น้องชายนายนุ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
หลังจากได้ข้อมูลทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังซอยรามคำแหงแยกสาม ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเซียนพระประมาณ 300 เมตร ก็เจอกับรถปอร์เช่คันดังกล่าวจอดอยู่ และในรถมีเพียงแค่สายชาร์จโทรศัพท์ 1 สาย โดยรถคันดังกล่าวมีลักษณะลักษณะใกล้เคียงกับรถที่จอดหน้าบ้านเซียนพระที่ทีมข่าวได้มาจากภาพ Google earth ก่อนหน้านี้
เปิดวงจรปิดวินาทีขับปอร์เช่ คาเยนน์ สีฟ้า ไปจอดทิ้งไว้ซอย รามคำแหง 21 แยก 3
ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า กล้องตัวที่ 1 เวลา 16.03 วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ช่วงต้นคลิปจะเห็นรถปอร์เช่ คาเยนน์ คันสีฟ้าจอดอยู่หน้าบ้านเซียนพระ จากนั้นจะเห็นบุคคล 2 คน เดินมาที่ประตูรถ ก่อนจะมี 1 คน เปิดประตูรถฝั่งคนขับและขับรถออกจากบ้านเซียนพระ ก่อนที่จะขับมุ่งหน้าไปยังซอยรามคำแหง 21 แยก 3 ที่อยู่ห่างออกไปอีก 300 เมตร ซึ่งจุดนั้นเป็นจุดที่รถปอร์เช่คันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้จนถึงทุกวันนี้
กล้องตัวที่ 2 จะเห็นรถปอร์เช่คาเยนน์สีฟ้าคันดังกล่าวขับมุ่งหน้าไปยังซอยรามคำแหง 21 จุดที่จอดรถทิ้งไว้ วงจรปิดตัวที่ 3 จะเห็นรถปอร์เช่ คาเยนน์ สีฟ้าคันดังกล่าว ขับมุ่งหน้าไปซอยรามคำแหง 21 แยก 3 จุดที่รถมีการถูกจอดทิ้งไว้
โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เป็นวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ก่อนที่ตำรวจสอบสวนกลางจะลงตรวจค้นบ้านของเซียนพระในวันที่ 1 พ.ย. 2567 เวลา 06.12 น. ตามกล้องวงจรปิดที่เป็นข่าวได้มาเมื่อวานนี้
ชาวบ้านสงสัย นุ-สาริณี หายตัวก่อน ตำรวจลงพื้นที่ 1 วัน
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบบริเวณร้านไก่ย่าง (ห้าดาว) ที่เป็นหนึ่งในธุรกิจของนางสาวสาริณี และนายนุ จากการลงพื้นที่วันนี้พบว่าที่ร้านได้ปิดบริการไปแล้ว โดยร้านแห่งนี้อยู่ห่างจากบ้านเซียนพระประมาณ 200 เมตร
ทีมข่าวได้มาพูดคุยกับนางสาวแพรว (นามสมมติ) ชาวบ้านใกล้ร้านไก่ย่างของสาริณี ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับสาริณี และนายนุ รวมถึงเซียนพระ และญาติ ๆ ของเขานั้น เท่าที่ตัวเองเห็นเขาจะประกอบกิจการหลัก ๆ 3 อย่างคือ 1. ร้านเช่าพระ 2. ร้านไก่ย่าง (5ดาว) จุดนี้จะเห็นนุ และสาริณี มาขายไก่ทุกวัน และ 3. ธุรกิจโรงงานแป้ง แต่ธุรกิจโรงงานแป้งดังกล่าว จะเป็นของครอบครัวของพี่สะไภ้สาริณี
โดยก่อนที่ตำรวจจะตรวจค้นบ้านเซียนพระเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตัวเองก็เห็นว่าสาริณี และนายนุ ได้มาขายไก่ย่างที่ร้านของเขาใกล้กับบ้านตัวเองอยู่เลย แต่ก็แปลกใจเมื่อเย็นวันพฤหัสที่ 31 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เขารีบเก็บร้านตั้งแต่ช่วง 1-2 ทุ่ม ทั้งที่ร้านของเขา ปกติจะปิดประมาณสี่ห้าทุ่ม ต่อมาเช้าวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ก็ไม่เจอสาริณีและ นายนุ มาเปิดร้านขายไก่อีกเลย ก็ไม่รู้ว่าที่เขารีบเก็บร้านในคืนวันพฤหัสบดี จะเป็นเพราะเขารู้ตัวว่าตำรวจจะมาลงพื้นที่ในวันศุกร์หรือไม่ ส่วนธุรกิจโรงงานแป้งจะเป็นของครอบครัวพี่สะไภ้ของสาริณี
ถามว่าตัวเองรู้เรื่องที่สาริณีได้รับเงินจำนวน 39 ล้าน จากเจ๊อ้อยหรือไม่นั้น ตัวเองก็รู้เรื่องนี้แต่ก็ยอมรับว่าเคยแปลกใจอยู่เหมือนกัน ว่าลำพังแค่ขายไก่ย่างห้าดาว ทำไมเขาถึงร่ำรวย จนระยะหลังเขาออกรถปอร์เช่คันสีฟ้า , ปอร์เช่คันสีส้ม , รถเบนซ์คันสีขาว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนายนุที่เป็นคนขับ และขั้นสุดท้ายที่เค้าเพิ่งออกก็คือรถไฟฟ้า BYD คันสีม่วงอ่อน
ส่วนนางสาวสาริณี เขาก็จะร่ำรวยอู่ฟู่ กินหรูอยู่ดีในระยะหลัง ซึ่งตัวเองจะเห็นเขาใส่กำไลแอร์เมส และจะชอบไปเที่ยวต่างประเทศบ่อย ๆ อย่างล่าสุดก็เห็นเขาไปเที่ยวประเทศจีน ส่วนทนายตั้ม ตัวเองไม่เคยเห็นเขามาที่บริเวณ ร้านไก่ย่างมาก่อน คาดว่าเขาอาจจะไปเจอกันที่บ้านหรือไม่ ส่วนตัวก็อยากให้แอร์เมส และนุ ออกข้อมูลกับตำรวจออกให้ข่าว เพราะจะได้เคลียร์ตัวเอง
ชาวบ้านเผย บ้านนุ - สาริณี ระยะหลังรวยอู้ฟู่
ด้านนางสาวน้อย ชาวบ้าน ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า เมื่อเช้าวันที่ 1 พ.ย. 2567 ตัวเองเห็นตำรวจสอบสวนกลาง 10 กว่านาย มาลงพื้นที่บ้านเซียนพระ ซึ่งเป็นน้องชายของสาริณี แต่ตัวเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะตัวเองก็เคยพูดกับชาวบ้านเอาไว้ว่า ระยะหลังมานี้บ้านหลังดังกล่าวรวยอู้ฟู่แปลก ๆ สักวันคงมีหน่วยงานมาตรวจสอบ สุดท้ายก็มีตำรวจมาตรวจสอบจริง ๆ ไม่เกินความคาดหมายตัวเอง