วันที่ 7 พ.ย.67 ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเพจ “ทนายคลายทุกข์” ระบุว่า “ศาลออกหมายจับทนายตั้มแล้ว เป็นไปตามที่ผมได้รับข้อมูลมาล่วงหน้า ผมจำเป็นต้องกลับลำเพราะเห็นหลักฐานแล้วมันชัดเจน” ว่าเมื่อวานมีแหล่งข่าว 2 คนและมีผู้สื่อข่าวอาชญากรรม 2 คนมีการโทรอธิบายในเรื่องของขั้นตอนคดีทนายตั้มและมีประเด็นหลักฐานอะไรที่จะมัดตัวทนายตั้มเกี่ยวกับเรื่องการหลอกลวงและการซื้อแคชเชียร์เช็ค รวมถึงการเอาเช็คไปเบิกเงินและทางตำรวจก็มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนรวมไปถึงสแกมเมอร์ไม่มีอยู่จริงจริงๆ แล้วสแกมเมอร์คือผู้ต้องหาในคดีนี ตนเองก็ได้ฟังเหตุผลต่างๆ และไม่เหมือนกับที่ทางทนายตั้มและอธิบายกับตนตนเองจึงรู้สึกกลับลำดีกว่า
เมื่อถามว่าทนายเดชามองเรื่องข้อหาในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ทนายเดชาเผยว่าข้อหาแรกคือข้อหาฉ้อโกงคือ ต่อมาคือการฟอกเงินคือการได้นำเงินมาจากการฉ้อโกงในประเด็นที่ และมีการนำเงินไปซื้อบ้านหรือสร้างทรัพย์สินต่างๆ สุดท้ายคือเรื่องการฟอกเงินร่วมก็คือการร่วมกันทำกับภรรยาส่วนการสมคบกับการฟอกเงินคือการไปร่วมกันในแนวคิดอันนี้เป็นเหตุคดี
เมื่อถามถึงแนวทางการต่อสู้จะเป็นอย่างไรของทนายตั้มทนายเดชากล่าวว่าตอนนี้ก็จะเป็นการปฏิเสธก่อนและทางตำรวจก็ต้องมีการสอบปากคำเรื่อยๆไปก่อน
โอกาสในการติดคุกคือติดคุกแน่นอนจนคืนนี้ทั้งทนายตั้มและภรรยาคงได้นอนกองปราบ มีโอกาสสูงที่ตำรวจจะคัดค้านการประกันตัวเพราะว่าพฤติการณ์เป็นคดีร้ายแรง
สาเหตุที่เชื่ออย่างสนิทใจในตอนแรกเพราะว่าได้มีการเล่าข้อเท็จจริงว่าไม่ได้ฉ้อโกงแต่เป็นการได้โดยเสน่หาจึงไม่คิดว่าต้องจะโกหกตนเองแต่เมื่อวันนี้ดูพยานหลักฐานกับทางตำรวจกับทางตำรวจที่ได้ดำเนินการตามกฎหมายหลายส่วนไม่ตรงกัน