"ทนายเดชา" เผย "ทนายตั้ม" สับขาหลอกพลิกคำให้การ ปมเงิน 71 ล้าน เชื่อมีการวางแผนแต่แรก หวังเบี่ยงประเด็น

"ทนายตั้ม" พลิกคำสู้ 71 ล้านใช้ "ลงทุน" ไม่ใช่ "เสน่หา"
วันที่ 9 พ.ย. เวลา 12.40 น. ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ให้สัมภาษณ์สื่อถึงกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ผู้ต้องหาที่ถูกจับในคดีหลอกน.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย ให้ลงทุนธุรกิจ 71 ล้านบาท

ทนายเดชา เปิดเผยว่า มีโอกาสได้คุยกับนายสายหยุด เพ็งบุญชู ที่เป็นทนายความของทนายตั้มและภรรยา โดยทนายสายหยุดได้ยืนยันว่า ทนายตั้มไม่ได้ให้การกับตำรวจเหมือนกับที่พูดในรายการ หรือตามที่ออกสื่อไปก่อนหน้านี้ ที่เคยกล่าวว่าได้เงินมาด้วยความเสน่หา โดยทนายตั้มได้ให้การกับตำรวจในลักษณะว่าได้รับเงินมาจากผู้เสียหายเพื่อไปลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจลอตเตอรี่ออนไลน์ และมาทำเพียงคนเดียวไม่ได้ร่วมลงทุนกับผู้เสียหาย ซึ่งคาดว่าทางทนายตั้มมีการวางแผนมาไว้นานแล้ว โดยขณะที่ทางทนายตั้มถูกจับกุม ตัวทนายสายหยุดเองก็เตรียมคำให้การทนายตั้มที่อยู่ในแฟลชไดรฟ์ส่งให้พนักงานสอบสวน หลังจากพนักงานสอบสวนฟังคำให้การเสร็จ ตัวทนายตั้มเองเพียงเซ็นชื่อเท่านั้น ซึ่งทางทนายตั้มและทนายสายหยุดเองก็มั่นใจว่าจะหลุดคดีนี้ ส่วนที่ไปออกสื่อหรือรายการต่างๆจะเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ ก็ต้องมาดูว่าผู้ใดเป็นผู้เผยแพร่ และขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน เพราะศาลจะใช้ข้อมูล สำนวนจากตำรวจเท่านั้น และใช้คำให้การในชั้นศาลเพียงเท่านั้น

ส่วนที่มองว่าคำพูดของทนายตั้มกลับไปกลับมาไม่อยู่กับร่องกับรอยนั้น ทนายเดชา กล่าวว่า ก็ถือเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างไรก็ได้ ซึ่งศาลจะเอาคำให้การในสำนวนไปช่างน้ำหนัก ว่าคำให้การของพยานหรือฝ่ายโจทก์ผู้ใดมีความน่าเชื่อถือมากกว่ากัน

เมื่อถามว่าสิ่งที่ทนายตั้มให้การกับตำรวจขัดแย้งกับที่พูดในรายการจะทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์ตัวเองหรือไม่ ทนายเดชา กล่าวว่า ตัวทนายตั้มไม่ได้คำนึงถึงอะไร คำนึงเพียงแค่ผลของคดีเท่านั้นว่าจะรอดหรือไม่ และส่วนที่จะถูกมองว่าเป็นการเพลี่ยงพล้ำในการต่อสู้คดีหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายจะคิดได้ แต่ตัวทนายตั้มมีการวางแผนไว้แล้ว เพราะทนายตั้มไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรก็พูด แต่ต้องมีการเตรียมก่อนจะพูดไว้แล้ว

ไม่ต้องห่วง ผมรอดแน่ คดีใหญ่กว่านี้ผมก็ผ่านมาแล้ว

ส่วนกลุ่มไลน์ของทีมทนายความอเวนเจอร์มีการแสดงความเป็นห่วงทนายตั้มหลังจากมีกระแสข่าว 71 ล้านออกไปหรือไม่ ทนายเดชา กล่าวว่า ทุกคนแสดงความเป็นห่วง แต่ทนายตั้มพิมพ์เข้ามาในกลุ่มว่า "ไม่ต้องห่วงผมรอดแน่ คดีใหญ่กว่านี้ผมก็ผ่านมาแล้ว แล้วจะผ่านไปได้เหมือนทุกคดีที่ผ่านมา" เพราะในเรื่องข้อกฎหมายทนายตั้มเป็นคนที่พลิ้วและรู้ข้อกฎหมายอย่างดี และหากไปดูในประวัติของทนายตั้มก็รอดมาแล้วหลายคดี และคดีไม่เคยขึ้นสู่ชั้นศาล ได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนทุกครั้ง ตนยืนยันว่าความสัมพันธ์ในกลุ่มทนายอเวนเจอร์ยังรักกันเหมือนเดิม แต่แค่ไม่มีใครออกมาแสดงความคิดเห็นเนื่องจากกลัวทัวร์ลง

ส่วนที่มีกระแสข่าวมองว่าเป็นแผนการฟอกขาวของทนายตั้มนั้น ไม่ยืนยันว่าเป็นการฟอกขาวหรือไม่ แต่รู้มาว่าทนายตั้มรู้ตัวว่าจะถูกออกหมายจับมาก่อน เป็นเดือนแล้ว รู้กระทั่งจะโอนสำนวนไปบก.ป.วันไหน จึงได้เตรียมการทุกอย่างไว้ และเชื่อว่าคดีนี้ทนายตั้มมีหมัดเด็ดในการสู้คดี

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมภรรยาถึงไม่ได้รับการประกันตัว ทนายเดชา ระบุว่า หลังจากที่ตนได้อ่านคำสั่งศาลที่มีการเขียนไว้ชัดเจนว่า การสอบสวนยังไม่เสร็จ หากปล่อยตัวออกไปก็จะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน แล้วก็อาจหลบหนี และเกรงว่าจะทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย ดังนั้นถ้าสอบสวนพยานเสร็จสิ้นแล้ว ตำรวจมีความเห็นทางคดีที่จะสั่งฟ้อง ทนายสายหยุดก็จะยื่นคำร้องต่อศาลขอประกันอีกครั้ง โอกาสที่จะได้รับการปล่อยตัวก็น่าจะมี

ทนายเดชายังตั้งข้อสังเกตว่าการที่ทนายตั้มออกมาปรากฏต่อหน้าสื่อหรือการออกมาแอ็กชั่นในกรณีนี้ เป็นการเบี่ยงเบนให้ฝั่งตรงข้ามของทนายตั้มเอาประเด็นนี้ไปเล่น นอกจากนี้ส่วนประเด็นที่บุคคลสาธารณะหรือลุงส. มาโจมตีตนนั้น คาดว่าเพราะทนายตั้มสนิทกับตน จึงต้องเล่นตนเองก่อน และต้องการคอนเทนต์ไปลงรายการตัวเอง ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่หากพบมีความเสียหายจะฟ้องทันที ซึ่งจะใหญ่โตจากไหนตนเองไม่สนใจ และในส่วนที่ลุงส.ออกมาไลฟ์สดว่าไม่ให้ค่าตนนั้น ถ้าไม่ให้ค่าก็อย่ามาโหนตน อย่าเอาตนไปพูดในรายการ

"ทนายตั้ม" ถูกดำเนินคดีอ่วม ถูกเอาคืนจาก "ตำรวจ"?
ส่วนกรณีที่ทนายตั้มถูกดำเนินคดีในครั้งนี้ถือเป็นการเอาคืนของตำรวจหรือไม่ เพราะทนายสายหยุดก็มีการกล่าวว่าตำรวจเล่นใหญ่เกินไป ทนายเดชา กล่าวว่า ตนได้พูดกับทนายสายหยุด ทนายสายหยุดกล่าวว่า การจะจับกุมในข้อหาก็ดำเนินการไป แต่การที่นำสืบในข้อมูลที่ลึก หรือการดูดข้อมูลในโทรศัพท์มองว่าเป็นการรังแก แต่ก็ต้องยอมรับว่าทนายตั้มได้สร้างศัตรูไว้เยอะ ตั้งแต่อดีตผบ.ตร. จนถึงคนปัจจุบัน ที่เป็นขั้วตรงข้ามกับพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีผู้กำกับสน.บางซื่อ ที่โดนตั้งคณะกรรมการสอบจะมีผลอย่างไรนั้น ทนายเดชาบอกว่า มีข่าวแว่วมาถึงตนว่า ผู้กำกับนายนี้มีสิทธิ์จะโดนเด้งเพราะเท่าที่รู้มาผู้กำกับคนนี้เรียนรุ่นเดียวกันกับบิ๊กโจ๊ก จึงมองว่าครั้งนี้เปรียบเหมือนเป็นการกวาดล้างเครือข่ายบิ๊กโจ๊ก ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างทนายตั้มกับผู้กำกับนายนี้ก็มีความสนิทสนมกัน จนถึงขั้นเข้าออกสน.บางซื่อบ่อยๆ และไม่ว่ามีอะไรทนายตั้มก็จะไปแจ้งความในพื้นที่สถานีตำรวจนี้ โดยทนายเดชามองว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของเครือข่ายเส้นสายที่มีคนรู้จักอยู่ท้องที่ไหนจะไปแจ้งความที่โรงพักที่นั้น หรือที่เรียกว่า "โรงพักของเรา"

ทั้งนี้จากการพิจารณาการถูกแจ้งข้อกล่าวหาตัวทนายตั้มมีอัตราโทษรวมแล้วกว่า 10 ปี จึงทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการควบคุมตัว และยังส่งผลให้การฝากขังถูกเพิ่มจาก 4 เป็น 7 ฝาก (84วัน) รวมถึงต้องไปดูเรื่องการฟอกเงิน ที่เป็นคดีต่างกรรมต่างวาระ แต่ในชั้นนี้ทนายตั้มยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีการพิพากษา

ถอนใบอนุญาต "ทนาย" มีขั้นตอน
ส่วนกรณีที่ทนายตั้มจะถูกลบชื่อจากทนายความหรือไม่ หลังจากที่มีการร้องมห้ตรวจสอบเรื่องมรรยาททนายความของทนายตั้มนั้น ทนายเดชา กล่าวว่า การถอนใบอนุญาตไม่ใช่เรื่องง่าย การดำเนินการมีขั้นตอน และจะต้องมีคำพิพากษาถึงที่สุด อาจจะใช้เวลา 5-7 ปี ที่จะลบชื่อทนายตั้มออกได้ และขออย่าเหมารวมว่าแวดวงทนายความจะได้รับความเสื่อมเสีย ต้องมองเป็นรายบุคคล

จับตา "ทนาย" ถูกแฉรับเงินลูกความ
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะมีทนายหรือที่ปรึกษาทางกฎหมายคนต่อไปจะถูกแฉนั้น ทนายเดชา กล่าวว่า ตนทราบมาว่า มีทนายดังที่ไปออกรายการดัง และน่าจะอยู่ในแก๊งอเวนเจอร์ รับเงินลูกความมา 1 แสนบาท แต่ไม่ทำอะไร แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้ เพราะหากพูดไปทุกคนจะรู้ทันที

ทนายตั้ม ไม่ยินยอมให้ดูข้อมูลโทรศัพท์ หวั่นข้อมูลสำคัญคดี 2 บิ๊กนายพลหลุด

เมื่อถามว่าทนายตั้มถูกนำตัวเข้าเรือนจำจะมีโอกาสได้เจอกลุ่มบอสดิไอคอนกรุ๊ปหรือไม่ ทนายเดชา กล่าวว่า ได้ข่าวว่าเจอ และพวกบอสอาจจะเปลี่ยนทนายก็ได้ เพราะทนายตั้มมีลีลาไม่ธรรมดา ซึ่งตนทราบมาว่าระหว่างการให้ปากคำกับพงส.บก.ป. ตำรวจได้ให้ทนายตั้มเซ็นลงชื่ออนุญาตในการเข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์แต่ทนายตั้มไม่เซ็น และทนายตั้มได้กล่าวกับพนักงานสอบสวนว่า "คุณจะเอามือถือผมไปดูด คุณรู้หรือไม่ข้างในมีอะไร มีข้อมูลเกี่ยวกับบิ๊กต่อ บิ๊กโจ๊ก คุณกล้ารับผิดชอบหรือไม่หากหลุดไป" ซึ่งตนก็ตั้งคำถามว่าการที่เข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์ทนายตั้มนั้น เพื่อต้องการขยายผลถึงคดีนี้หรือคดีอื่นกันแน่

เมื่อถามว่าเมื่อเกิดกรณีคดีความของทนายตั้มแล้วนายพลตำรวจคนสนิทจะดีดทนายตั้มทิ้งหรือไม่ ทนายเดชา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่เมื่อเกิดกระแสภาพลบก็กรรมใครกรรมมันไป อีกทั้ง ทั้ง 2 คนก็มีความลับซึ่งกันและกันด้วย คงไม่ทิ้งกัน

อย่างไรก็ตามทนายเดชาคาดว่าคนต่อไปที่อาจจะถูกดำเนินคดีคือพี่สาวของภรรยาทนายตั้ม เพราะในสำนวนคดีที่มีการแจ้งข้อกล่าวหา พบว่ามีการโอนเงินจากภรรยาทนายตั้มไปถึงพี่สาว

"ทนายเดชา" เผย "ทนายตั้ม" สับขาหลอกพลิกคำให้การ ปมเงิน 71 ล้าน เชื่อมีการวางแผนแต่แรก หวังเบี่ยงประเด็น