"ปานเทพ" งัดหลักฐานเด็ด ฟาดกลับทนายตั้ม พร้อมจี้หาเส้นเงิน โยง 3 คนใกล้ชิด

นายปานเทพ พงษ์พัวพันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องของทนายตั้มพร้อมกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เปิดเผยเอกสารหลักฐานกับทางสื่อมวลชน โดยเปิดเผยว่า สัญญาที่ตนนำมาเปิดเผยในวันนี้ เป็นหนังสือสัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรมพัฒนาเว็บไซต์และระบบโปรแกรมแอปพลิเคชันซื้อขายลอตเตอรี่ หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยในเอกสารดังกล่าว มีการระบุชื่อนางสาวจตุพร (เจ๊อ้อย) กับ บริษัทแห่งหนึ่ง และจัดทำขึ้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2566

ภายในสัญญาจ้างดังกล่าวมีการระบุเอาไว้บอกว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงกันทำสัญญาจ้างเหมาโดยมีรายละเอียด คือ การจ่ายค่าจ้างผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายค่าสัญญาจ้างเหมาตามสัญญานี้ให้แก่ผู้รับจ้างเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 2,000,000 ยูโร โดยมีการกำหนดชำระครั้งเดียวก่อนเริ่มงานคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 และค่าจ้างเหมานี้มีการรวมภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดชอบตามกฎหมายไว้แล้ว

โดยนายปานเทพ เผยต่อว่า ทนายตั้มพยายามสื่อสารผ่านทางแช็ต กับพี่น้อยเลขาเจ๊อ้อยว่า ตนได้ขอพี่อ้อยแล้วเพื่อให้ลงทุน โดยแช็ตดังกล่าวอยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 28 - 30 มกราคม 2566 ทำให้อาจารย์ปานเทพมองว่าทั้งหมดที่ทนายตั้มพยายามแช็ตหา เพื่อเป็นการสร้างหลักฐานให้ตนเองเท่านั้น เพราะแช็ตดังกล่าวเป็นการพิมพ์ฝ่ายเดียวโดยที่เจ๊อ้อยไม่ได้รู้เรื่อง ทำให้ทนายตั้มชะล่าใจ เอาแช็ตดังกล่าวมาเป็นหลักฐาน ในคดีนี้ด้วย

แต่หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 2-8 กุมภาพันธ์ 2566 เจ๊อ้อยได้เดินทางกลับจากประเทศฝรั่งเศสมาที่ประเทศไทยเพื่อมาทำสัญญา ที่จะใช้ในการลงทุนทำแอปพลิเคชันสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ โดยจัดทำสัญญาในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 และมีทนายตั้มเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายและมีการว่าจ้างตามกฎหมายอย่างถูกต้องทุกอย่าง

หลังจากนั้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 เจ๊อ้อยได้เดินทางกลับที่ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเตรียมเงิน 71 ล้านบาท นำมาลงทุนแอปพลิเคชันดังกล่าว โดยได้โอนเงินให้ทนายตั้ม เพราะในขณะนั้นเชื่อว่าทนายตั้มจะสามารถช่วยดำเนินการได้ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความเชื่อใจ ทำให้อาจารย์ปานเทพได้เปิดเผยเอกสารในการโอนเงินของเจ๊อ้อยที่มีการโอนมาจาก ประเทศฝรั่งเศสเข้ามาในบัญชีส่วนตัวของเจ๊อ้อยที่ประเทศไทย

ซึ่งหลักฐานดังกล่าวเป็นเอกสารที่ทำขึ้นโดยธนาคารเอกชนในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ระบุว่าเป็นการโอนเงินยูโร มาเป็นเงินบาทจากชื่อบัญชีของนางสาวจตุพร โอนให้กับธนาคารในประเทศประเทศไทย และเป็นชื่อเจ้าของบัญชีเดียวกันนั่นคือชื่อเจ๊อ้อย และมีการขีดเส้นใต้ในเอกสารดังกล่าวว่า “เป็นเงินเพื่อการลงทุน”

เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ก่อนหน้านี้ทนายตั้ม ได้เข้าไปช่วยเหลือ กลุ่มคนพิการ และสมาคมกีฬาคนพิการ คิดว่าจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ด้วยหรือไม่ อาจารย์ปานเทพ เปิดเผยว่า แม้ไทม์ไลน์เรื่องนี้จะไม่ได้เชื่อมโยงกันแต่ก็น่าสังเกตเพราะเรื่องนี้ก็มีเหตุผลเช่นเดียวกัน ว่าทางทนายตั้มอาจจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งกับทางเจ๊อ้อยว่าการทำแพลตฟอร์มขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ มีความคืบหน้ามาแล้ว แต่คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดคือทนายตั้ม ที่น่าจะรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ว่ามีวาระซ่อนเร้น ในการช่วยเหลือกลุ่มคนพิการกลุ่มนี้จริงหรือไม่ แม้ช่วงเวลาจะแตกต่างกันร่วมหนึ่งปีครึ่ง

นอกจากนี้อาจารย์ปานเทพ ยังได้กล่าวถึงนายนุคนสนิทของทนายตั้ม ที่เพิ่งถูกฝากขังศาลไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ตนอยากให้ตั้งข้อสังเกตในส่วนของนายนุ ว่ามีทรัพย์สินที่เยอะพอสมควร โดยสังเกตได้จากรถที่นายนุ ขับ ทุกคันจะมีทะเบียนเลขเดียวกันคือ 999 และทราบว่านายนุสนิท กับบุคคลหนึ่ง ที่เคยตกเป็นคราวการประมูลทะเบียนรถในราคาที่แพงที่สุด จึงอยากให้สื่อมวลชนได้ติดตามว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร

ในส่วนทรัพย์สินของทนายตั้ม ที่ตั้งข้อสงสัยกันอยู่ว่ายังหลงเหลืออีกหรือไม่ หรือมีการยักย้ายถ่ายเทไปให้ใครหรือเปล่า โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ใกล้ชิด ทนายตั้ม นั่นคือพี่สาวของเดือน ภรรยาทนายตั้ม และชาอีกหนึ่งคนที่ชื่อแจ็ค โดยชายคนดังกล่าวจะขายของที่เป็นสินค้าหรู พร้อมทั้งมีการระบุไว้ว่าชายคนดังกล่าวอาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งอยากให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ที่ทนายตั้มอาจจะนำทรัพย์สิน โยกย้ายไปฝากที่ 3 คนนี้อีกด้วย

ในส่วนประเด็นของทนายสายหยุด ซึ่งเป็นทนายความที่เข้ามารับว่าความให้ทนายตั้ม อาจารย์ปานเทพ บอกว่า ทนายสายหยุดน่าจะรู้แล้วถึงเรื่องเอกสารสัญญาการทำแอปพลิเคชัน แต่ที่ไม่ได้เปิดเผยมาทั้งหมดเพราะอาจจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีของลูกความนั่นคือทนายตั้มจึงไม่ได้เปิดเผยข้อมูลส่วนนี้ต่อสาธารณชน

ก่อนอาจารย์ปานเทพจะทิ้งท้ายไว้ว่า ตนขอชื่นชมในส่วนของ ทนายสายหยุด ว่าเป็นทนายความที่ทำหน้าที่ได้ดี สำหรับนักกฎหมายที่ยังอายุน้อยและเชื่อว่า ทนายสายหยุดมีความเป็นธรรมอยู่ในใจอยู่แล้ว ส่วนการวางแผนกลยุทธ์หรือแนวทางในการต่อสู้ก็เชื่อว่าจะทำอย่างชาญฉลาด แต่สุดท้ายแล้วคนที่ตัดสินคดี ก็จะเป็นผู้พิพากษาที่เป็นผู้ตัดสิน

โดยทีมข่าวช่อง 8 ยังได้ถามย้ำไปว่า ทางด้านทนายสายหยุดจะกลับลำหรือไม่ เมื่อเห็นหลักฐานดังกล่าวที่ทางอาจารย์ปานเทพนำมาเปิดเผยในวันนี้ อาจารย์ปานเทพ บอกกับเราสั้นๆว่า เชื่อว่าสปิริตของทนาย ไม่ควรจะถอนตัวเขาต้องทำให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นก็จะเสียชื่ออยู่พอสมควร ส่วนผลของการกระทำจะออกมาอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เชื่อว่าเขายังคงเป็นทนายความให้กับทนายตั้มต่อไป

"ปานเทพ" งัดหลักฐานเด็ด ฟาดกลับทนายตั้ม พร้อมจี้หาเส้นเงิน โยง 3 คนใกล้ชิด