กฤษอนงค์ โพสต์แจง ไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใด ๆ "รมต.น้ำ" อ้างในคลิปเสียงตัดต่อบางช่วง คุยเรื่องส่งเสริมอาชีพเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่น

จากกรณีคลิปเสียงหลุดของหญิงคนหนึ่งพูดคุยกับบอสพอล มีการอ้างรัฐมนตรี น้ำ จิราพร สินธุไพร รมต.สำนักนายกฯ ให้อำนาจคุม สคบ. ขายตรงทั้งหมด ซึ่งต่อมาทาง รมต.น้ำ ออกมาสัมภาษณ์สื่อยืนยันไม่รู้จักผู้หญิงที่อยู่ในคลิปมาก่อน เพิ่งมาเห็นตามสื่อไม่นานมานี้ และจะให้ฝ่ายกฎหมายแจ้งความเอาผิดกรณีแอบอ้าง นั้น


ล่าสุด (15 พฤศจิกายน 2567) น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “กรณีของท่านรัฐมนตรี กฤษอนงค์ขอชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา ว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใด ๆ กับท่านรัฐมนตรีเลยค่ะ ไม่เคยพบปะหรือพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปนั้นเป็นเพียงการประสานงานโครงการที่กฤษอนงค์ได้นำเสนอผ่านคนกลาง เพื่อสนับสนุนธุรกิจด้านขายตรงและออนไลน์ เป็นโครงการภาคเอกชนที่ตั้งใจให้เป็นการยกระดับ และให้ความรู้เฉพาะทางเท่านั้น


ในคลิปที่เป็นการสนทนาระหว่างบุคคล 2 คนที่ถูกเผยแพร่และตัดต่อบางช่วงนั้น เป็นเพียงการสนทนาเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมอาชีพเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด หากการสนทนานี้ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด กฤษอนงค์ขอกราบขออภัยท่านรัฐมนตรี น้ำ จิราพร สินธุไพร และคุณพ่อท่าน อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียวค่ะ


สำหรับกรณีอื่น ๆ ที่มีการกล่าวถึงเพิ่มเติม กฤษอนงค์อยากเรียนให้ทราบว่า ทุกคำชี้แจงในที่นี้มาจากความตั้งใจจริงที่จะสื่อสารให้เกิดความเข้าใจ แต่ในขณะเดียวกันการพยายามอธิบายกลับดูเหมือนยิ่งเพิ่มความเข้าใจผิดมากขึ้น กฤษอนงค์เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาในสังคมที่ไม่มีพลังหรืออำนาจ ไม่มีสื่ออยู่ในมือ ไม่มีอำนาจใด ๆ จะไปต่อสู้กับกระแสสังคมที่ตอนนี้ได้ตัดสินไปแล้ว
ความเชื่อของกฤษอนงค์ที่ว่า “ความจริงจะเอาชนะทุกอย่าง” กำลังเลือนลางลงทุกทีในสถานการณ์นี้ เหลือเพียงความหวังในกระบวนการยุติธรรม ที่จะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ทุกอย่างคลี่คลายลงได้ แม้ว่าการเดินทางเพื่อค้นหาความยุติธรรมจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและหนักหนา ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีแรงสู้จนถึงวันที่ความจริงปรากฏหรือไม่


ในเวลานี้กฤษอนงค์ขอพึ่งพาอำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผู้มีบารมีในสังคม ขอให้ทุกท่านที่มีอำนาจหน้าที่ ได้โปรดมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับประชาชนคนธรรมดาในสังคม ขอให้ท่านช่วยพิจารณาและรับฟังเสียงเล็ก ๆ ของประชาชนในครั้งนี้ว่า การเป็นอยู่ของเราจะเป็นไปอย่างไรหากสื่อและสังคมสามารถตัดสินได้โดยไร้กระบวนการยุติธรรม และหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็แทบไม่มีทางที่ประชาชนอย่างเรา ๆ จะลุกขึ้นต่อสู้ได้อีก”