ทนายสายหยุด เยี่ยม ทนายตั้ม คุยคดี 71 ล้าน แนะนำเป็นหนี้ต้องชดใช้
วันนี้ (19 พ.ค.67) ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา เบี้ยงบังเกิด หรือทนายตั้ม เปิดเผยหลังเดินทางเข้าเยี่ยมทนายตั้มที่เรือนจำ ว่า วันนี้ได้เข้าเยี่ยมทนายตั้มอย่างใกล้ชิด ในลักษณะใช้โทรศัพท์โทรคุยกันแต่มีกระจกกั้น แต่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้มองหน้ากัน เนื่องจากต้องเร่งบันทึกข้อมูลจากทนายตั้ม การเยี่ยมวันนี้มีใจความเรื่องความเป็นอยู่ ซึ่งทนายตั้มสามารถปรับตัวได้ ไม่มีความกังวลหรือเครียด โดยไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องภรรยาญาติเข้าไปเยี่ยมทุกวันโดยตรง
ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องการยื่นประกันตัว ทั้งทนายตั้มและภรรยา เนื่องจากยื่นประกันตัวไปแล้วไม่ได้ โดยจะต้องรอพนักงานสอบสวนส่งฝากขังผัดที่ 2 ว่าจะให้เหตุผลอย่างไร จึงจะพิจารณาว่าพนักงานสอบสวนจะยังคัดค้านการประกันตัวอยู่หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามถึงคดีเงิน 39 ล้านบาท ทนายสายหยุด เผยว่า ส่วนตัวดูจากสำนวนคดีเป็นหลัก โดยไม่ได้ฟังจากสื่อหรือเรื่องเล่าปากต่อปาก ในทางคดี “นุกับสา” ยังไม่มีหลักฐานการซัดทอดมาที่ทนายตั้ม ถึงแม้ว่าทั้ง 2 คน จะถูกดำเนินคดี แต่ข้อเท็จจริงทนายตั้มยังไม่ถูกดำเนินคดี ดังนั้น จะต้องไปขอข้อมูลจากทนายตั้มนำมาศึกษา
หากทนายตั้มผิดจริง จะแนะนำให้รับสารภาพ เพราะตนยืนยันว่าจะไม่รับทำคดีแน่นอนหากทำแล้วแพ้ ส่วน นุกับสา เป็นผู้กระทำ เป็นคนที่ใกล้ชิดกับพฤติการณ์ และเป็นตัวรับเงิน ก็จะต้องถูกดำเนินคดีเป็นธรรมดา
ส่วนพยานหลักฐานที่มีความชัดเจนถึงการขนย้ายเงินจำนวน 39 ล้านบาท ทนายสายหยุด บอกว่า ตนก็เพิ่งเห็นตามภาพจากสื่อเช่นกัน ส่วนรายละเอียดทางคดีไม่ขอออกความคิดเห็น ขอเห็นเอกสารหรือข้อเท็จจริงที่พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหา เบื้องต้นเท่าที่ได้รับข้อมูลคดี 39 ล้านจากทนายตั้ม ระบุว่ามีพยานหลักฐานที่จะสามารถต่อสู้คดีได้ โดยทนายตั้มได้มีการเตรียมพยานหลักฐานดังกล่าวไว้แล้ว ส่วนเจ้าตัวจะหลอกหรือสับขาอย่างไร ก็เป็นเรื่องของทนายตั้ม ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว พยานหลักฐานจะเหลือร่องรอยมากน้อยแค่ไหนก็ต้องไปตรวจสอบพิจารณาอีกครั้ง
ทนายสายหยุด บอกด้วยว่า สำหรับคดี 71 ล้าน ขณะนี้ได้มีการพูดคุยทนายของเจ๊อ้อยในเรื่องของการไกล่เกลี่ยเพื่อจะเยียวยา เมื่อไปถึงชั้นศาล และคดีเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ศาลก็จะให้ไกล่เกลี่ยกันอยู่แล้ว และเจตนาส่วนตัว ก็คือ เมื่อเป็นหนี้แล้วเขาทวงเราก็ต้องใช้ แต่หากว่าในอนาคตทนายตั้มไม่คืน ก็จะมีเหตุที่ทำให้ตนตัดสินใจเกี่ยวกับการทำงานหลังจากนี้ พร้อมย้ำว่า
"หากเป็นหนี้แล้วทนายตั้มไม่ใช้ จะสามารถเป็นเหตุผลในการตัดสินใจว่า จะว่าความต่อหรือไม่" ทนายสายหยุด กล่าว
ส่วนเรื่องของการทำพินัยกรรมและการเป็นผู้จัดการมรดกของเจ๊อ้อย ทนายสายหยุด บอกว่า จากการพูดคุยกับทนายตั้ม เจ้าตัวบอกทำลายไปแล้ว และการยกเลิกก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเจ๊อ้อยและทนายตั้ม