"สนธิ ลิ้มทองกุล" โชว์พินัยกรรมเจ๊อ้อย ชี้พิรุธ "ทนายตั้ม" ทำพินัยกรรมฉบับ 2 วางแผนฮุบสมบัติ?
วันที่ 20 พ.ย. 67 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ไลฟ์สดในช่อง "คุยกับสนธิ" หัวข้อ "ตั้ม นรกแตก!!!" แฉพฤติกรรม "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่วางแผนจะฮุบสมบัติเจ๊อ้อย ซึ่งนายสนธิ กล่าวว่า หลังจากเจ๊อ้อยหาทนายความในเฟซบุ๊ก จนไปเจอชื่อทนายตั้ม ก็ติดต่อให้มาเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ โดยทำสัญญาว่าจ้าง เดือนละ 3 แสนบาท ในวันที่ 1 เม.ย.65 ที่สำนักงาน "ษิทรา ลอว์เฟิร์ม" หลังจากได้เป็นทนายความของเจ๊อ้อยแค่ 8 วัน วันที่ 9 เม.ย. ทนายตั้มให้เจ๊อ้อยทำพินัยกรรมทันที ลงนามกับที่สำนักงานทนาย โดยให้นายเดวิด สามีพี่อ้อย และพี่น้อย เพื่อนสนิท เป็นพยาน ซึ่งพินัยกรรมฉบับนี้ไม่มีปัญหาอะไร
แต่หลังจากนั้น ก็เริ่มใช้เงินทองของเจ๊อ้อย ปรนเปรอตัวเองและครอบครัว ไปเที่ยวต่างประเทศ กินหรูอยู่สบาย และยังใช้เงินเจ๊อ้อยพาลูกน้องในออฟฟิศ บินไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น จนเจ๊อ้อยขอยกเลิกสัญญา หลังจ้างครบ 1 ปี แต่ทนายตั้มไม่ยอมง่ายๆ ยังตามตื๊อ ชวนทำธุรกิจแอปฯ หวยออนไลน์
ต่อมา นายสนธิ ยังขอบคุณรายการลุยชนข่าว ช่อง 8 ที่ออกมาแฉว่า ทนายตั้ม เคยทาบทามให้ลูกชายของเจ๊อ้อย ซึ่งมีครอบครัวแล้ว แต่งงานกับหลานสาวตัวเอง แต่ถูกปฏิเสธ หลังจากวางแผนให้ลูกสาวคนเล็กของตัวเองเป็นลูกบุญธรรมของเจ๊อ้อยไม่สำเร็จ จากนั้นจึงวางแผนใหม่ ด้วยการร่างพินัยกรรมฉบับที่ 2 ทำที่บ้านพี่อ้อย ที่ปากช่อง เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 66 ซึ่งฉบับนี้ที่มีปัญหา เพราะทนายตั้มเขียนให้ตัวเองเป็น "ผู้จัดการมรดก" ของพี่อ้อย หลังจากนั้นก็มีการติดจีพีเอสที่รถเบนซ์ของเจ๊อ้อย เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว เส้นทางการเดินทาง โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือสัญญาที่ทนายตั้มจ้างบริษัทติดตั้งจีพีเอสที่รถด้วย แต่ทนายตั้มยังกล้าปฏิเสธ ว่าไม่ได้ทำ
นายสนธิ ยังแฉต่อว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ภรรยาของทนายตั้มยังล็อกอินเข้าไปในระบบ ดูว่ารถเบนซ์ของพี่อ้อยขับไปไหนบ้าง และที่สำคัญติดจีพีเอส หลังเขียนพินัยกรรมให้ตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก ทนายตั้มเชิญเจ๊อ้อยไปเที่ยวที่ไกลๆ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย รวมถึงชวนไปล่องแพที่เขื่อนเฉี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งทุกคนรู้ดี เขื่อนเชี่ยวหลานมีพื้นที่กว้างใหญ่ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ หรืออินเทอร์เน็ต ถ้าเข้าไปแล้วถูกตัดขาดจากโลกภายนอกทันที โชคดีมากที่เจ๊อ้อย ปฏิเสธ ไม่ไปด้วย
และ นายสนธิ บอกต่อว่า พี่น้อย คนสนิทโทรมาเล่าว่า ทนายสายหยุดโทรไปหาพี่อ้อย เจรจาขอยอมความ ขอคืนเงิน 130 ล้านบาท แลกกับการถอนฟ้อง ซึ่งถ้าถอนฟ้อง คดีนี้จะจบทันที พี่น้อยถามตนว่า คิดยังไง ซึ่งก็ตอบไปว่า คนที่ตัดสินใจได้คือพี่อ้อย ไม่ใช่ตน แต่ตนขอให้ข้อคิดว่า ประชาชนทั่วประเทศเชียร์พี่อ้อย คนไทย 99% บอกให้พี่อ้อยเดินให้สุดซอย แต่พี่อ้อยเป็นผู้เสียหาย เงินเป็นของพี่อ้อย ดังนั้นตนไม่ยุ่ง ซึ่งพี่น้อยตอบว่า พี่อ้อยพูดกับพี่น้อยว่า เรื่องนี้จะมอบอำนาจให้นายสนธิ ตัดสินใจคนเดียว นายสนธิตัดสินใจยังไง พี่อ้อยจะทำตามทุกอย่าง ซึ่งทุกคนคงน่าจะรู้ว่าตนจะตัดสินใจยังไง ตนเป็นพวกเข้าซอยแล้ว มาถึงกลางซอยแล้ว ไม่ถอยหลังเด็ดขาด และหลังตนมีอำนาจเด็ดขาดตามกฎหมาย ตนจะเดินหน้าอย่างสุดซอยแน่นอน ถ้าไม่สุดซอยขอให้ตนมีอันเป็นไป
นายสนธิ ประกาศว่า จะเดินหน้าเอาผิดทนายตั้มและพรรคพวก ให้ได้รับผิดตามกฎหมาย เจ๊อ้อยไม่ต้องให้เงิน ไม่ต้องให้ค่าจ้าง เอาไปบริจาคโรงเรียนแทน ถ้าอยากให้จริงๆ ขอแค่ไวน์ 1 ขวด กับช็อกโกแลต 1 ถุงเท่านั้น
ส่วนที่นายโอ๋ มาร้องไห้ที่ช่อง 8 ในรายการลุยชนข่าว ขอให้ตนให้อภัยทนายตั้ม บอกว่าตนเป็นคนทำบุญทำทาน ทั้งที่ทนายตั้มเรียกตนว่า ไอ้ลิ้ม แถมถ้ากินฉี่ ฝากถึงนายโอ๋ว่า ถ้าทนายตั้มติดคุก ก็เป็นเพราะกรรม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนเลย รอให้ตั้มติดคุกก่อน ออกจากคุกเมื่อไหร่ตนค่อยคิดเรื่องให้อภัย อย่างไรก็ตามคนที่ต้องไปขออภัยคือพี่อ้อย ไม่ใช่ตน เพราะตนไม่ใช่คู่กรณีของทนายตั้ม
สำหรับวันพรุ่งนี้ (21 พ.ย.67) เวลา 13.30 น. นายสนธิ และ อ.ปานเทพ จะไปยื่นหนังสือที่สภาทนายความฯ ตรวจสอบเรื่องมารยาททนายความของทนายตั้ม และทนายเดชา และวันที่ 24 พ.ย. 67 จะเปิดเวที "รายการความจริงเป็นหนึ่งเดียว" ใครมีบัตรเจอกัน นายสนธิยังบอกอีกว่ามีเซอร์ไพรส์แน่นอน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : YouTube : sondhitalk