"ต้นอ้อ" เผยนาทีพิพากษา "แอม ไซยาไนด์" เจ้าตัวแต่งหน้าสวย ยิ้มรับโทษประหาร ไม่มีท่าทีสลด
เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 20 พ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง เปิดเผยถึงคดี "แอม ไซยาไนด์" ว่า หลังจากที่ตนไปฟังคำพิพากษา ที่เป็นการฟังคำพิพากษายาวนานที่สุด ตั้งแต่เคยเจอกว่า 3 ชั่วโมง โดยญาติผู้เสียชีวิต ก็มีความกังวลว่าศาลจะยกฟ้องหรือไม่ เพราะทนายฝั่งของแอม ได้มีการให้เหตุผลว่า ไม่ได้เห็นการกระทำของแอมในระหว่างการวางยา แต่เมื่อผู้พิพากษาอ่านพฤติการณ์ แรงจูงใจของแอมตั้งแต่ปี 65-66 พบว่าเป็นช่วงที่แอมติดการพนันหนักที่สุด และมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 90 ล้านบาท
ซึ่งในห้วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงเวลาที่มีผู้เสียชีวิตถึง 12 ราย บวกอีก 2 รายที่รอดชีวิต นับว่าเป็นการฆ่าเพื่อปลดหนี้ จึงมีคำตัดสินว่าให้ประหารชีวิต
ซึ่งระหว่างการอ่านคำพิพากษา ก็มีการกล่าวถึงการเสียชีวิตของแต่ละคน ที่มีความคล้ายคลึงกันทั้งหมด แล้วก็ที่สำคัญคือพยานหลักฐานที่ได้มา พบว่าแอมมีการพยายามทำลายหลักฐาน โดยมีทนายแนะนำ ซึ่งหลังจากที่ผู้พิพากษาอ่าน ทางด้านแอมก็ไม่ได้มีท่าทีเสียใจ ไม่ได้ร้องไห้ ไม่สลดและยิ้มแย้มแจ่มใสหัวเราะกับทนายในศาล เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่กล้าสบตาฝั่งตน ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตตั้งข้อสงสัยว่า ไม่สลดเลยหรืออย่างไร กับเหตุการณ์ที่ได้กระทำลงไป
โดยในระหว่างที่ผู้พิพากษาอ่านคำตัดสินประหารชีวิตแอม ทางตนและญาติผู้เสียชีวิตก็กอดกันร้องไห้ แต่ทางทนายก็หันมาบอกว่า "อย่าเสียงดัง" พร้อมกับทำเสียงจุ๊ปาก
"ตนจึงรู้สึกสงสัยขณะที่คุณใส่กุญแจมืออยู่ คุณยังมีหน้าหันมาบอกว่าอย่าเสียงดังอีกหรือ" น.ส.ชลิดา กล่าว
น.ส.ชลิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า แต่อย่างน้อยฝั่งญาติผู้เสียชีวิต ก็ดีใจที่ยังมีความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิต ซึ่งในวันอังคาร (26 พ.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ก็จะมีการส่งสำนวนไปที่อัยการอีก 14 เคส แต่ก็เห็นว่าทางฝั่งทนาย จะมีการยื่นอุทธรณ์ของจำเลยทั้งหมด
โดยในวันนี้ ตนสังเกตเห็นว่า แอมแต่งหน้าสวย ทาปากแดง ต่อขนตาสวย สภาพร่างกายต่างจากครั้งแรกที่เจอ เพราะน่าจะมีความมั่นใจในการยื่นอุทธรณ์แล้วชนะคดี แต่ทางด้านทีมทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ก็ยังทำงานกันต่อเนื่อง แต่ก็ต้องพึ่งพาอัยการด้วย
นอกจากนี้ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ยังกล่าวอีกว่า ขณะที่ตัวแอมเข้าเรือนจำนั้น ได้มีการตั้งครรภ์ประมาณ 4-5 เดือน แต่ก็พบว่าแท้งในอายุครรภ์ 7 เดือน จากพฤติกรรมที่ไม่ดูแลตัวเอง ไม่กินข้าวไม่ดื่มน้ำจนทำให้ขาดสารอาหาร โดยแอมได้มีการเปิดเผยว่าไม่อยากเอาเด็กคนนี้ไว้ ถึงแม้ว่าการเก็บเด็กไว้จะทำให้ไม่โดนโทษประหาร จากสิ่งนี้จึงทำให้ตั้งข้อสังเกตได้ว่า แอมอาจมีความมั่นใจในคำพูดของทนายว่าอย่างไรก็รอดคดี