สั่งย้าย-สอบข้อเท็จจริง ปลัดสาวเมาชนเด็กดับ 2 สาหัส 1 เผยนาทีเป่าวัดแอลกอฮอล์พุ่ง 136 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ไร้สลด?

ตำรวจ สภ.อุ้มผาง กำลังให้ น.ส.พิมพ์นารา อายุ 46 ปี ปลัดอำเภอแห่งหนึ่ง ใน จ.ตาก เป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ โดยมีญาติ และ ชาวบ้านยืนล้อมเอาไว้ เพราะก่อนหน้านี้ ปลัดหญิงขับรถยนต์ ชนมอเตอร์ไซค์ของเด็กนักเรียน เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย บนถนนสายแม่สอด -อุ้มผาง หมู่ 3 บ้านป่าคาใหม่ ต.แม่กลอง อ.อุ้มผาง จ.ตาก เมื่อตอน 2 ทุ่มกว่า ๆ ของวันที่ 22 พฤศจิกายน ปลัดหญิงเป่าเบามาก จนต้องเป่าอยู่หลายที เลยทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ บอกให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเลยดีกว่า สุดท้าย กว่าจะเป่าได้ ผลออกมาวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 136 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตำรวจเชิญตัวไปโรงพัก

 

 

ที่เกิดเหตุ เจอรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำแดง ทะเบียน 1 กท 3469 ตาก ถูกชนพังยับเยิน ล้อหน้าหลุด เจอศพ "นายเอกภพ กับ น.ส.วรกานต์" อายุ 17 ปีเท่ากัน ส่วนคนเจ็บ คือ "น.ส.กนิดา" หรือ น้องยุ้ย อายุ 16 ปี ถูกส่งตัวไปรักษาต่อ ที่โรงพยาบาลแม่สอด น้องทั้ง 3 คน เป็นเด็กนักเรียนชั้น ม.5 เป็นเพื่อนกัน โรงเรียนเดียวกัน

ซึ่งขณะนี้ครอบครัวของน้องยุ้ย ได้ขอบริจาคเลือด ได้ทุกกรุ๊ปเลือด เพราะน้องเสียเลือดมากและ กำลังเข้ารับผ่าตัด จึงต้องการเลือดในการผ่าตัดจำนวนมาก ผู้ที่ต้องการช่วยชีวิตน้อง ขอให้ติดต่อที่โรงพยาบาลแม่สอด ตรงตึกเซเว่น ชั้น 2 หรือเบอร์ 080-935-7562 ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.

 

 

หลังตำรวจคุมตัวปลัดหญิง ไปสอบปากคำ แล้วก็ปล่อยตัวกลับไป ทำให้ญาติของเด็ก ๆ และ ชาวบ้านไม่พอใจ เมื่อวานตอนเที่ยง (23 พ.ย. 67) เลยบุกกันไปที่โรงพัก ทวงความยุติธรรมจากร้อยเวร แต่ถูกปฏิเสธ โรงพักอ้างว่า ร้อยเวรเจ้าของคดี ไม่อยู่ ชาวบ้านจึงบอกว่า ถ้าไม่เจอร้อยเวรก็ไม่กลับ ต่อมา ปลัดหญิง ซึ่งกลับจากไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล ก็เข้าพบตำรวจอีกครั้ง บอกว่า หมอฉีดยาให้ ตนจึงง่วงมาก เลยกลับไปนอนก่อน

จากนั้น ตำรวจได้เชิญญาติ และ ตัวแทนชาวบ้าน เข้าร่วมประชุมด้วย บรรยากาศเคร่งเครียด และ คุยกันนานหลายชั่วโมง ปลัดหญิง ยืนยัน ไม่หนีไปไหน และ ไม่ได้อยากให้ใครสูญเสีย ยินดีชดใช้ และ ดูแลค่าทำขวัญผู้ปกครองเด็กทั้ง 3 คน ตำรวจ สภ.อุ้มผาง ยืนยันว่า จะเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องการชดใช้ค่าสินไหม จะเจรจาตกลงกันอีกครั้ง ทำให้ชาวบ้านพอใจในระดับหนึ่ง บางส่วนจึงยอมกลับไป

เมื่อคืน ทีมข่าวไปที่งานศพของ นายเอกภพ หรือ "น้องปอนด์" ที่บ้านพัก หมู่ 4 ต.โมโกร มีคนในหมู่บ้าน และ เพื่อนๆ ของน้อง มาร่วมงานศพคืนแรก น.ส.พิมพ์ลภัส เจนจิตรธรรม อายุ 41 ปี เป็นน้า บอกว่า น้องปอนด์กับเพื่อน ๆ เพิ่งทำกิจกรรมเสร็จที่โรงเรียนเสร็จ กำลังขี่รถกลับบ้าน น้าบอกว่า หลานฝันอยากเป็นพยาบาล อยากจะช่วยเหลือคน กลับต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้

หลังเกิดเหตุ ปลัดหญิงไม่ได้หนีก็จริง แต่สภาพเมาหนัก แถวตอนแรกไม่ให้ความร่วมมือที่จะเป่าแอลกอฮอล์ ทำเหมือนเล่น ๆ ตามในคลิป และ ไม่มีขอโทษครอบครัวของเด็ก ๆ ด้วย ทำเป็นคุยโทรศัพท์ตลอด และ ที่สองมาตรฐานคือ ตำรวจยังพากลับไปส่งที่บ้าน พอญาติไปแจ้งความ ก็ไม่รับแจ้ง อ้างว่า เลยเวลาราชการแล้ว ให้กลับมาใหม่พรุ่งนี้ ถ้าเมื่อตอนกลางวัน ญาติกับชาวบ้านไม่บุกไปโรงพัก คดีนี้เงียบแน่นอน ทำไมตำรวจถึงไม่ให้ความเป็นธรรมเด็ก ๆ เลย

 

 


ด้านเฟซบุ๊ก สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตาก ได้โพสต์แจ้งความคืบหน้า กรณีที่ปลัดหญิงขับรถชนเด็กตาย บอกว่า 1. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวนทางวินัยกับปลัดหญิงต่อไป และ 2. มีคำสั่งย้ายปลัดหญิง มาช่วยราชการ ณ ที่ทำการปกครองจังหวัด เพื่อให้การดำเนินการสอบสวน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และ อำนวยความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย ซึ่งบทลงโทษดังกล่าว ชาวเน็ตมองว่า เบามาก เมื่อเทียบกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เด็กที่กำลังจะเป็นอนาคตของชาติตายไป 2 คน และ อีกคนยังโคม่า ชาวเน็ตอยากให้แก้กฎหมาย "เมาแล้วขับ ควรเท่ากับ เจตนาฆ่า" ได้แล้ว

จากนั้นเวลา 22.00 น. ทีมข่าวไปที่โรงพัก สภ.อุ้มผาง พบว่า ยังมีญาติของเด็ก และ ชาวบ้านบางส่วน ยังปักอยู่หน้าโรงพัก เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม โดยจะผลัดกันมาเฝ้า จนกว่าตำรวจจะนำตัวปลัดหญิง ไปส่งศาล

ทีมข่าวสอบถามกับ พันตำรวจโท บุญธรรม จันทร์บุญ รองผู้กำกับการปราบปราม สภ.อุ้มผาง ชี้แจงว่า ที่ปล่อยตัวปลัดหญิงไปก่อน เพราะไม่ได้หลบหนี และ ได้เรียกกลับมาสอบปากคำเพิ่มเติมเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา โดยไม่ให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เบื้องต้น แจ้งข้อหา "เมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" ซึ่งปลัดก็รับสารภาพ นำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (25 พ.ย. 67) ส่วนจะประกันตัวในชั้นศาล หรือไม่ ก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา

ส่วนที่ชาวบ้านบอกว่า ตำรวจไม่รับแจ้งความ เนื่องจากคืนวันเกิดเหตุ ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในจุดเกิดเหตุทั้งหมด ยืนยัน ไม่มีตำรวจพูดว่า ไม่ให้แจ้งความเพราะเลยเวลาราชการแน่นอน หากชาวบ้านมีหลักฐานว่าใครพูด ให้นำมามอบกับตนได้ สำหรับประเด็นที่ครอบครัวผู้เสียหาย ได้ค่าเสียหายคนละ 7 ล้านบาท แต่ชาวบ้านไม่ยินยอม เพราะชาวบ้านอยากให้ดำเนินคดีกับปลัดหญิง จนถึงที่สุด เลยทำให้การไกล่เกลี่ยดังกล่าวในชั้นพนักงานสอบสวน เป็นโมฆะ ส่วนศพของ น.ส.วรกานต์ หรือ น้องจุ้ย ครอบครัวจะไปรับศพที่ โรงพยาบาลแม่สอด พรุ่งนี้ (25 พ.ย. 67)