ศาลไม่ให้ประกัน "สามารถ" เพราะพฤติการณ์ร้ายเเรง ด้านแม่สามารถวอนผู้มีอำนาจอย่าเอาความลูกชายตน โอดลูกชายตกเป็นจำเลยสังคม ลั่นอยากให้ออกมาทำงานการเมืองรับใช้ชาติ

วันนี้ (26 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวนางวิลาวัลย์ มารดาของนายสามารถ ในคดี ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน 

 

โดยศาลอาญาอนุญาตให้ประกันตัวนางวิลาวัลย์ มารดานายสามารถ ด้วยหลักทรัพย์ประกัน 500,000 บาท โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใด ๆ ส่วนนายสามารถ ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยเตรียมนำตัวส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป 

 

โดยนางวิลาวัลย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนขอเป็นตัวแทนนายสามารถ ว่า ถ้าลูกของตนเองได้ล่วงเกินผู้ที่มีอำนาจ ตนในฐานะแม่ ขอเป็นตัวแทนกราบขอขมา ขออโหสิกรรม อย่าได้ถือสาเอาความลูกชายของตนเองเลย ตนอยากให้เขาได้กลับมาเล่นการเมืองเพื่อช่วยประเทศชาติ แม้อาจจะมีความผิดพลาดไปบ้าง และขอบคุณศาลอาญาที่ยังมีความเป็นธรรมให้ตนได้ประกันตัวออกมาสู้คดี ตนจะขอสู้จนถึงที่สุด และขอบคุณดีเอสไอที่ดูแลตนเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องคดีก็ให้ว่ากันไปตามคดี ส่วนตนและลูกชายจะขอสู้เพื่อความเป็นธรรม

 

นางวิลาวัลย์ กล่าวต่อว่า เมื่อวานตนมีการคิดสั้น และชักเกร็งจนเข้าโรงพยาบาล 1 คืน เพราะน้อยเนื้อต่ำใจ แม้จะเป็นเรื่องจริงที่ตนได้นำเงินของบอสพอลมาเมื่อปี 2564 ตนมีหลักฐาน ว่ามีเงินส่วนหนึ่งนำไปทำบุญ และบางส่วนถูกนำไปปล่อยกู้ หลังจากนั้นตนจึงนำเงินส่วนนั้นให้นายสามารถนำไปคืนกับบอสพอล และบอสพอลได้มีการเซ็นรับทราบเรียบร้อยว่าได้เงินคืนแล้ว ตั้งแต่ปี 2565 อีกทั้งวันนี้ทางบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ก็ยังไม่มีความผิดอะไรเพราะศาลยังไม่ตัดสิน อย่าไปโทษบริษัท เพราะผู้เสียหายอาจจะไม่รู้เรื่อง ทั้งตนและลูกชายตกเป็นจำเลยสังคม ขอให้ประชาชนเป็นกำลังใจให้ด้วย

 

นางวิลาวัลย์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตนได้ช่วยคนมากกว่า 6 พันคน ให้พ้นทุกข์ แต่เวลาตนมีทุกข์กลับไม่มีใครมาช่วย ตนจึงน้อยเนื้อต่ำใจ ทำให้เกิดอาการชักเกร็ง และทางเจ้าหน้าดีเอสไอส่งเข้าโรงพยาบาลจุฬาภรณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา และวันนี้ในช่วง 10.00 น.ที่ห้องขังดีเอสไอ ตนพยายามนำผ้าปูเตียงมาผูกคอ แต่เจ้าหน้าที่เข้ามาห้ามไว้เสียก่อน สุดท้ายนี้ขอให้ตนและลูกไม่ต้องตกเป็นจำเลยสังคม ขอให้ได้ช่วยเหลือประเทศให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

 

ด้านทนาย ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวเสริมว่า เหตุผลที่ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายสามารถ เพราะมีพฤติการณ์ร้ายแรงและเกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน รวมทั้งนายสามารถมีพฤติการณ์หลบหนี แต่ทางเราจะอุทธรณ์เพื่อสู้คดี ซึ่งอาจจะเป็นระยะภายใน1-2 วัน ส่วนเรื่องการขอไต่สวนนั้นวันนี้ทางศาลไม่ได้อนุญาตไต่สวน เพียงแต่อ่านคำสั่งเรื่องประกันเท่านั้น หลังจากนี้ก็จะอยู่ที่ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ว่าจะมีคำสั่งอย่างไรต่อไป