"เจ๊หนิง" ไม่กังวล มอง "เมีย อดีตบิ๊กตำรวจ" ฟ้องแก้เกี้ยว "ผกก." ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

"เจ๊หนิง" ไม่กังวล เชื่อผกก.ให้ความเป็นธรรม มอง "เมีย อดีตบิ๊กตำรวจ" ฟ้องแก้เกี้ยว

จากกรณี น.ส.ธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง อดีตอาจารย์สอนพิเศษโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภีมพจน์ สามีเดินทางเข้ามาที่สน.พระโขนง เพื่อมอบตัวหลังจากพนักงานสน.พระโขนง ได้ขอศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการ เพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น

ผ่านไปเกือบ 4 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ได้นำตัวเจ๊หนิงไปพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยเจ๊หนิงได้ เปิดเผยสั้นๆ วันนี้ยังคงยืนยันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและมองว่าคู่กรณีฟ้องแก้เกี้ยวมากกว่า เพราะมีหลายเรื่อง ไม่ได้มีแค่เรื่องลักทรัพย์ ทั้งนี้ยังเชื่อว่าผู้กำกับสน.พระโขนง จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยไม่เลือกปฏิบัติ เพราะรอบที่แล้วภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนดังนั้นจึงเชื่อว่ารอบนี้ตนจะได้รับการประกันตัวด้วยเช่นเดียวกัน และยืนยันไม่เป็นกังวลใจแต่อย่างใด

ส่วนเหตุผลที่ทางตำรวจออกหมายจับ ขอให้ทนายเป็นผู้ตอบ เพราะเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย

อย่างไรก็ตามเจ๊หนิง ไม่ขอฝากอะไรถึงภรรยาบิ๊กตำรวจ โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่าไม่อยากพูดถึง

ส่วนหลายชายตน ที่ถูกออกหมายจับในคดีเดียวกัน จะเดินทางมามอบตัวที่สน.พระโขนงในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ย. 67) เนื่องจากไม่ทราบว่าวันนี้มีหมายจับ

ผกก.สน.พระโขนง ยัน ออกหมายจับ "เจ๊หนิง-สามี-หลาน" ทำตามกฎหมาย

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ. ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผู้กำกับการ สน.พระโขนง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางตำรวจได้มีการออกหมายเรียกไป ก่อนจะมีการขอศาลอนุมัติหมายจับ

การที่ผู้ต้องหาออกมาให้ข่าวต่าง ๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของหลานชายว่า ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุนั้น ถือว่าเป็นข้อมูลในสำนวน ตำรวจไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้

การออกหมายจับตามกฎหมายบอกว่า ต้องมีหลักฐานตามสมควร ถ้ามีศาลก็จะมีในการพิจารณาอนุมัติหมายจับ จากนั้นก็ต้องมีการสอบสวนกันต่อไป

ส่วนจะมีการลักทรัพย์กันจริงหรือไม่ ตนไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นข้อมูลในสำนวน อยู่ระหว่างการสอบสวน การแจ้งความเท็จอย่างไรนั้นก็เป็นข้อมูลในสำนวนเช่นเดียวกัน ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ สุดท้ายศาลก็จะเป็นผู้ตัดสินว่าใครผิดใครถูก

ในส่วนประเด็นการที่ผู้ต้องหารู้สึกว่า ไม่รับความเป็นธรรมนั้น ก็เป็นสิทธิ์ที่จะกล่าวหาได้ ซึ่งที่ผ่านมา ตำรวจไม่เคยได้มีโอกาสได้ชี้แจง แต่ก็ยืนยันว่าการทำคดีนี้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนการให้ประกันตัวนั้น เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะสามารถยื่นกับพนักงานสอบ แม้จะถูกออกหมายจับก็ตาม แต่ผู้ต้องหามาเข้าพบพนักงานสอบสวนด้วย ก็จะให้ความเป็นธรรมพิจารณาการให้ประกันตัวในครั้งนี้

จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 3 คนนั้น ไม่มีหมายจับค้างเก่าแต่อย่างใด ส่วนการติดตามตัวหลานชายนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการ จะมามอบตัวหรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิ์ผู้ต้องหาเอง

อย่างไรก็ตาม จะไม่นำประวัติการก่อคดีในอดีต มาเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินคดีปัจจุบัน เพราะเป็นคนละส่วนกัน