"พ่อ" ประกาศตามหา "น้องโรส" หลังหายตัวปริศนา ล่าสุด พบตัวแล้ว น้องยืนยันปลอดภัยดี
พ่อประกาศตามหา "น้องโรส" ลูกสาว หลังหายตัว ติดต่อไม่ได้
จากกรณีที่เฟซบุ๊กผู้ประกาศดัง โพสต์ข้อความว่า มีคุณพ่อคนหนึ่ง ประกาศตามหา "น้องโรส" อายุ 17 ปี ลูกสาว สวมชุดนักเรียน โรงเรียนนานาชาติ โดยอ้างว่า ถูกคนกลุ่มหนึ่งนำตัวไป สถานที่สุดท้าย ที่พบคือภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว ก่อนหายตัวไป
ทีมข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง คุณหมอท่านหนึ่ง พ่อเลี้ยงของน้องโรส และได้ข้อมูลมาว่า เมื่อวานนี้ตนได้เดินทางไปที่สำนักงานเขตลาดพร้าว เพื่อจะดำเนินการเรื่องของการนำคำนำหน้าชื่อออก จากชื่อน้องโรส เนื่องจากน้องโรส ไม่ใช่ลูกแท้ๆของตน แต่เป็นลูกติดของภรรยา และพบว่ามีการแอบอ้างสวมคำนำหน้าชื่อและนามสกุลตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งตนพึ่งมาเห็นจึงต้องการนำออกเพราะมันผิดกฎหมาย
ซึ่งตนได้ดำเนินการตั้งแต่ช่วงเที่ยงจนถึงบ่ายสอง และให้คนขับรถไปรับน้องที่โรงเรียนมาเพื่อดำเนินการอยู่ที่สำนักงานเขตด้วยเช่นกัน แต่ขณะนั่งดำเนินการอยู่นั้น พบว่ามีชายสวมชุดสีกากีแต่งกายคล้ายตำรวจ เดินเข้ามาในสำนักงานเขต พร้อมกับตะโกนขึ้นมาว่า เด็กอยู่ไหน ด้วยท่าทีขึงขังและเสียงดัง ก่อนจะนำตัวเด็กออกไปจากสำนักงานเขต
ซึ่งในขณะนั้น ตนพยายามตามเด็กไปแล้วและส่งคนขับรถประกบหลัง ส่วนตนเดินไปด้านหน้า แต่ก็ไม่พบเด็กแล้ว พบเพียงแค่ชายสองคนที่แต่งกายคล้ายตำรวจขึ้นรถจักรยานยนต์ ก่อนขับออกไปจากสำนักงานเขต
หลังเกิดเหตุตนได้มาลงบันทึกประจำวันกับตำรวจ
เมื่อสอบถามไปว่า ไม่มีประเด็นอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องเช่นมรดกใช่หรือไม่ คุณหมอท่านหนึ่ง พ่อเลี้ยงของน้องโรส บอกว่า ไม่มีเพราะมรดกชิ้นเดียวที่ทางแม่ของน้องโรสทิ้งไว้ให้คือ คอนโดมิเนียม ซึ่งตอนนี้ตนเป็น ผู้จัดการมรดกอยู่ เมื่ออายุครบ 20 ปีตนก็จะโอนให้เป็นชื่อของน้องโรสต่อไป
ทำให้ตอนนี้อยากเจอลูกมาก และอยากได้ลูกกลับคืน จึงไหว้วานขอให้สื่อมวลชนได้ช่วยติดตามหาลูกของตนด้วย
จนท.สำนักงานเขต เผยห้วงนาทีก่อน "น้องโรส" หายตัว
ต่อมาทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 เริ่มติดตามค้นหาว่าน้องโรส อยู่ที่ไหน และใครเป็นคนพาตัวน้องไป โดยจุดแรกที่เราเข้าไปค้นหาคือสำนักงานเขตลาดพร้าว ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ เราได้พบกับ นางชัญญาภัค วัดจินดา หัวหน้าฝ่ายทะเบียนเขตลาดพร้าว ซึ่งได้เล่าให้ทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 ฟังว่า ขณะเกิดเหตุเมื่อวานอยู่ในช่วงประมาณ 10.00 - 14.00 น. "คุณหมอท่านหนึ่ง พ่อเลี้ยงของน้องโรส" ได้เข้ามาติดต่อที่สำนักงานเขตอีกครั้ง และได้ติดต่อเข้ามาหลังจากนำเอกสารจากสำนักงานเขตมีนบุรี โดยจะขอ เปลี่ยนแปลงข้อมูลทะเบียนบ้าน ของ "น้องโรส" โดยมีการขอแก้ไขชื่อพ่อจาก "คุณหมอท่านหนึ่ง พ่อเลี้ยงของน้องโรส" ให้เป็นพ่อที่ให้กำเนิดน้องโรสตัวจริง และนำคำ นำหน้าชื่อ “หม่อมหลวง”ออก ให้กลับมาใช้นางสาวแทน
โดยนางชัญญาภัค เปิดเผยกับทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 ว่า ขณะที่ "คุณหมอท่านหนึ่ง พ่อเลี้ยงของน้องโรส" เข้ามาติดต่อราชการที่สำนักงานเขตลาดพร้าว
พบว่าคนใกล้ชิด (คนขับรถ) ของ"คุณหมอท่านหนึ่ง พ่อเลี้ยงของน้องโรส" เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กสาว ซึ่งตนก็ได้พยายามจับสังเกตท่าทีของเด็กหญิง ที่มีพฤติกรรมแปลกๆ โดยมีลักษณะหันซ้ายขวาและใช้สายตาพยายามขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนก็ได้สังเกตมาระยะหนึ่ง ก่อนจะพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาในสำนักงานเขตหนึ่งนาย และรออยู่ด้านนอกหนึ่งนาย โดยตำรวจที่เดินเข้ามาสอบถามว่า “เด็กคนไหนอายุ 17 ปี” น้องจึงยกมือขึ้น และตนส่งสัญญาณน้องว่าออกไปกับตำรวจ แต่ทาง "คุณหมอท่านหนึ่ง พ่อเลี้ยงของน้องโรส" ก็พูดขึ้นมาว่า นี่ไงตำรวจมาถึงแล้ว เพื่อเป็นการบ่งบอกกับทางเจ้าหน้าที่ว่าตำรวจกลุ่มนี้เป็นคนของตน
ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนได้รับประสานจากน้า (คุณไอซ์) ของเด็กสาว ว่าเด็กสาวอยู่ในสภาวะอันตราย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เขตได้ทำการช่วยเหลือ และตอนนี้ได้มีการประสานตำรวจไปแล้ว ทำให้ตนเชื่อได้ทันทีว่าตำรวจที่เข้ามานั้นเป็นตำรวจที่ทางน้าของเด็กประสานมา ก่อนจะพบว่าตำรวจได้พาเด็กออกไปยืนที่บริเวณด้านนอก ประมาณ 5-10 นาที ก่อนจะออกไปจากสำนักงานเขตลาดพร้าว
ตำรวจยืนยัน ไม่มีการลักพาตัว "น้องโรส"
จากนั้น ทีมข่าว พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผกก.สน.โชคชัย เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ โดยผู้กำกับเล่าว่า เมื่อวานทางสายด่วน 191 แจ้งมาว่า มีคู่กรณีอยู่ที่สำนักงานเขตลาดพร้าว เป็นเรื่องของพ่อกับลูกที่มาทำธุรกรรมเกี่ยวกับทะเบียนราษฎร์ แต่พบว่าทางลูกสาวรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึง ก็พบผู้แจ้งซึ่งเป็นน้าสาว ของน้องโรส เท่าที่สอบถามจากสายตรวจ พบว่าเด็กอยู่ในอาการหวาดกลัว เมื่อสอบถามว่ามีปัญหาอะไรกัน ก็ได้รับแจ้งเบื้องต้นว่าเป็นการมาเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อเกี่ยวกับทะเบียนราษฎร์ จึงได้ขอให้ตำรวจพามาลงบันทึกประจำวันที่ สน.โชคชัย
หลังจากผู้แจ้ง ได้มาลงบันทึกประจำวันไว้เมื่อตอนบ่ายสาม ต่อมา ประมาณ 17.00 น. ทาง "คุณหมอท่านหนึ่ง พ่อเลี้ยงของน้องโรส" ก็ได้เดินทางมาที่สน. โชคชัย เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งคู่ลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐาน แต่ไม่มีการแจ้งความในเรื่องของลักพาตัว
ผู้กำกับ สน.โชคชัย ยืนยันว่า เหตุดังกล่าวไม่ใช่การลักพาตัว แต่เป็นการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปฏิบัติการ เพราะว่ามีผู้แจ้งผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 จึงเข้าไประงับเหตุตามปกติ ยืนยันไม่มีการอุ้ม หรือลักพาตัวแต่อย่างใด
น้องโรส ยืนยัน ปลอดภัยดี
ต่อมา ทีมข่าวพยายามติดตามหาช่องทางติดต่อ "น้องโรส" จนทราบว่า ตอนนี้น้องปลอดภัยดี และน้องยังยืนยันกับทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 ถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ว่าตนพยายามติดต่อน้า เพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย และหวั่นจะได้รับอันตรายจากชายผู้เป็นพ่อเลี้ยง
น้องโรส ยังยืนยันและให้ข้อมูลตรงกันกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตลาดพร้าวว่า หลังจากที่น้องถูกพาตัวมาถึงฝ่ายงานทะเบียน พ่อก็พยายามข่มขู่เจ้าหน้าที่ ให้ปฏิบัติตามสิ่งที่ร้องขอจะติดต่อหาผู้ใหญ่ให้มาจัดการ แต่โชคยังดี ที่ตนเคยเดินทางมาที่สำนักงานเขตลาดพร้าวแล้วครั้งหนึ่ง และมีคนจำตนได้ ตอนที่เข้ามาถึงตนจึงพยายามไม่ให้เจ้าหน้าที่ทักตนโดยการให้สัญญาณมือ
ซึ่งก่อนหน้าหน้านั้น ตนได้ส่งเสียงบันทึกไปยังน้าที่เลี้ยงตนมาร่วม 4 ปี ว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้น้ารีบประสานทางตำรวจให้เข้ามาช่วยเหลือทันที
เมื่อสอบถามว่าตอนปี 2559 ใครเป็นคนพาน้องโรส มาเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อเป็นหม่อมหลวง น้องโรสเปิดเผยข้อมูลกับทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 ว่า คนที่พาตนมาเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ ในตอนนั้นคือ "คุณหมอท่านหนึ่ง พ่อเลี้ยงของน้องโรส" หรือบุคคลที่ตนเรียกว่าพ่อ และแม่ของตน
น้าสาว เปิดใจเลี้ยงดู น้องโรส มาร่วม 4 ปี
ขณะเดียวกัน น้าสาวของน้องโรส ยังได้เปิดใจว่า ตนเลี้ยงดูน้องโรสมาประมาณ 4 ปี เพราะน้องไม่อยากอยู่กับพ่อเลี้ยง เนื่องจากกลัวเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากว่าแม่ของน้องที่เสียชีวิตไป ได้มอบมรดกให้กับน้องเป็นคอนโดคอนโดมิเนียมหรู มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท น้องจึงขอมาอยู่กับตนนับตั้งแต่อายุ 13 ขวบจนถึงปัจจุบัน
ส่วนประเด็นการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ ตนมองว่าตอนนี้มีคนใกล้ชิดและรู้จัก พยายามแจ้งความการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ กับทาง "คุณหมอท่านหนึ่ง พ่อเลี้ยงของน้องโรส" ที่นำน้องโรสมาสวมคำนำหน้าชื่อเป็นหม่อมหลวงตั้งแต่ปี 2559 เมื่อกลัวความผิดจึงต้องรีบนำคำนำหน้าชื่อน้องโรสออกพร้อมนามสกุล
ส่วนในตอนนี้ตนยังกลัวเรื่องของความปลอดภัย และพบว่าหลังจากเป็นข่าว ทางโรงเรียนและเพื่อนๆ ต่างสอบเข้ามาเยอะ ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้เป็นการกุเรื่องและสร้างละครขึ้นมาจากอีกฝ่ายเท่านั้น จึงขอยืนยันว่าตอนนี้ตนได้รับดูแลน้องโรส ไว้ในการดูแลอย่างปลอดภัยแล้ว