ตำรวจสอบสวนกลางจับกุมอดีตทหารพราน หลอกลวงกลุ่มชาติพันธุ์ เข้าอบรมและเรียกเก็บเงิน แลกช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิอยู่ในประเทศ พบทำมาตั้งแต่ปี 65 เหยื่อกว่า 1 หมื่นราย สูญเงินหลายล้านบาท
วันที่ 3 ธันวาคม 2567 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) จัดชุดเจ้าหน้าที่ร่วมกันจับกุม นายประยูร อายุ 63 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จังหวัดเชียงใหม่ ที่ 1968/2567 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ซึ่งจับกุมได้ที่ริมถนนสาย 41 กม.181(ขาล่องใต้) หมู่4 ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้ พฤติการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ขณะขับรถออกตรวจป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบนทางหลวงหมายเลข 41 พบรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด (สีดำ) ขับรถแช่ขวาจึงได้เรียกให้รถคันดังกล่าวหยุดรถเพื่อจะออกใบสั่ง พบนายประยูรเป็นผู้ขับขี่ ตรวจสอบปรากฏว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ และทราบว่าเมื่อประมาณต้นเดือนเมษายน 2567 กลุ่มผู้เสียหาย (ชาติพันธุ์) ได้เดินทางไปร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่
โดยให้การกับพนักงานสอบสวนว่า นายประยูรกับพวกประมาณ 10 คน ได้ทำการประชาสัมพันธ์เชิญชวนคนในพื้นที่ ซึ่งมีทั้งคนไทยในพื้นที่ คนไทใหญ่ และคนกะเหรี่ยง เข้ามาร่วมอบรมสัมมนาตามโครงการของตนและพวกที่ก่อตั้งขึ้น อ้างว่าการอบรมและสัมมนาดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปลูกฝังให้เป็นบุคคลที่รักในสถาบัน เทิดทูนสถาบัน รักและสืบสานในวัฒนธรรมอันดีของไทย ใช้เวลาในการอบรมแต่ละครั้งไม่เกิน 3 ชั่วโมง
มิหนำซ้ำยังเก็บเงินจากผู้ที่จะเข้าร่วมอบรมสัมมนา คนละ 200, 300, 400, 500 บาท และจัดเก็บเงินเป็นค่าเสื้อสีเหลือง จากผู้ที่ประสงค์จะซื้อเสื้ออีกคนละ 350-390 บาท และจะมีการจำหน่ายสติกเกอร์ “คณะประชาชนคนรักในหลวง” ให้กับกลุ่มคนที่จะเข้ารับการอบรมหรือสนใจสั่งซื้อในราคาแผ่นละ 20-30 บาท โดยนายประยูรและพวก ได้แจ้งกับคนที่มาพบอบรมสัมมนาว่า หากเข้ารับการอบรมไปแล้วตนจะไปช่วยในเรื่องของการทำ, ต่อบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน 10 ปี, บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย, พาสปอร์ตของบุคคลที่ไม่ใช่คนไทย ซึ่งจะไปช่วยต่อรองกับเจ้าหน้าที่รัฐในการจ่ายค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่มีจำนวนมากให้สามารถจ่ายได้น้อยลง แต่หลังจากได้รับเงินจากผู้เข้ารับการอบรมแล้ว ผู้ต้องหากับพวกก็ไม่ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามที่ตนแจ้งต่อผู้เสียหายแต่อย่างใด
จากข้อมูล พบว่า ผู้ต้องหากับพวกได้จัดอบรมให้กับกลุ่มคนชาติพันธุ์ (คนไทใหญ่ คนกะเหรี่ยง) ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มาตั้งแต่ประมาณปี 2565 โดยจัดอบรมแบบสัญจรไปในหลายพื้นที่ เช่น อ.แม่อาย อ.สารภี อ.หางดง อ.สันทราย อ.เมืองเชียงใหม่ และอีกหลายอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเก็บค่าใช้จ่ายตามที่กล่าวมาโดยตลอด หากนับจำนวนผู้เข้ารับการอบรมสัมมนาจากคณะผู้ต้องหากับพวกแล้ว มีผู้ที่เข้ารับการอบรมสัมมนาประมาณ 10,000 กว่าราย มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท เป็นที่มาของการถูกพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน นำไปสู่การขอศาลออกหมายจับ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายจับดังกล่าวข้างต้น พร้อมแจ้งข้อหาตาม และนำตัวผู้ต้องหาส่ง สภ.สารภี เพื่อดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา