ลูกชายตำรวจ ถูกตำรวจ บก.จร. รุมกระทืบกลางด่านจนคอนแทคเลนส์หลุด อ้างแหกด่าน สุดท้ายขอโทษ จำรถผิดคัน ผู้การจราจรตั้งกรรมการสอบแล้ว พร้อมย้าย 7 ตร.เข้า ศปก.

วันที่ 4 ธ.ค. 2567 น.ส.ธนัชตา อายุ 29 ปี น้องสาวของนายธนานพ อายุ 33 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว ผู้เสียหาย พร้อมพ่อ คือ พ.ต.ท.ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ได้มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จากกรณีที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) รุมกระทืบนายธนานพ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 4 ธ.ค. 2567 หรือเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา บริเวณถนนเกษตร-นวมินทร์ พร้อมกับให้ข้อมูลว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ที่ผ่านมา พี่ชาย ได้ขับรถยนต์มาสด้า 2 สีแดง ทะเบียนกรุงเทพ จากอุโมงค์เกษตร มุ่งหน้าแยกลาดปลาเค้า เมื่อถึงช่วงตอม่อที่ 12-13 มีตำรวจตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของกองบังคับการตำรวจจราจร โดยพี่ชายขับรถมาคนเดียว ถูกเรียกตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และได้เป่าถึง 3 ครั้ง แต่ปริมาณแอลกอฮอล์ยังเป็น 0 เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวออกจากด่านไปตามปกติ

จากนั้นไม่เกิน 1 นาที ห่างจากด่านไม่เกิน 500 เมตร ปรากฏว่า มีรถจักรยานยนต์ 2-3 คัน พร้อมคนขับขี่ 4-5 คน เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ รวมทั้งรถปิคอัพสายตรวจของตำรวจที่แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ขับติดตามไล่มาด้านหลัง พร้อมกับขับประกบด้านซ้ายขวา พร้อมกับเปิดสัญญาณไฟเพื่อให้นายธนานพจอดชิดซ้าย เลยจากแยกลาดปลาเค้าไปประมาณ 300-400 เมตร จากนั้น นายธนานพ เปิดประตูลงจากรถ กลุ่มตำรวจพร้อมชายนอกเครื่องแบบรวม 7 คน ซึ่งมีนายตำรวจระดับร้อยตำรวจเอกเป็นหัวหน้าด่านได้นำตัวนายธนานพไปบริเวณริมฟุตบาท พร้อมกับใส่กุญแจมือและรุมทำร้ายร่างกายด้วยการเตะเข้าที่ก้านคอ ใบหน้า และลำตัว จนเลือดอาบหน้า นัยน์ตาฝ้าฟางเพราะคอนแทคเลนส์หลุด ขณะเดียวกัน ยังกล่าวหาว่านายธนานพแหกด่าน โดยใช้คำพูดว่า “มึงแหกด่านมาทำไม เดี๋ยวจะเอาตัวไปตรวจสอบ ถ้าแหกด่านมาจริง จะโดนหนักกว่านี้”

หลังจากนั้น กลุ่มตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ได้คุมตัวนายธนานพกลับมาที่ด่านตรวจฯ อีกครั้ง พร้อมกับตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดประจำด่าน เมื่อตรวจสอบปรากฏว่าตำรวจที่ประจำด่านพบว่า คนที่ตำรวจตามไปทำร้ายนั้นเป็นการทำร้ายผิดคัน โดยอ้างว่ารถลักษณะคล้ายกันและได้กล่าวขอโทษ โดยมีพ่อของผู้เสียหายเดินทางมาที่ด่านตรวจด้วย รวมทั้งตัวเองก็ได้เดินทางมาที่ด่านตรวจ ด้วยเช่นกัน แต่ตำรวจที่ประจำด่านตรวจพยายามจะปกปิดข้อมูล ไม่ให้ข้อเท็จจริง พร้อมกับขอไม่ให้เอาเรื่อง และเปลี่ยนอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากนั้นกลุ่มตำรวจได้พาคนเจ็บส่งโรงพยาบาล โดยตนเองได้ตามไปด้วยและถ่ายคลิปไว้ตามที่ปรากฏในโซเชียล โดยตำรวจยอมรับผิด อ้างว่าจำรถผิดคัน

ส่วนตัวมองว่า รถจะผิดคันหรือไม่ ตำรวจก็ไม่มีสิทธิ์ทำรุนแรงกับใครแบบนี้ เพราะการทำร้ายพี่ชายนานถึง 5 นาที มันเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จนถึงขั้นคอนแทคเลนส์หลุด โดยพี่ชายบอกว่า ในใจตอนนั้น ต้องกลับไปหาแม่ที่บ้านได้ เพราะยังไงก็ไม่ยอมตาย โดยทางครอบครัวยืนยันไม่ยอมความและจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ในวันนี้ ได้เข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามไว้แล้ว เบื้องต้นตำรวจจะดำเนินคดีในฐานความผิดทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว และให้พนักงานสอบสวนพิจารณาว่า พฤติกรรมของกลุ่มตำรวจดังกล่าวเข้าข่ายพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือไม่

ด้านพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมมีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 7 นายหยุดปฏิบัติหน้าที่จากหน้าที่เดิม ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการจราจรแทน เพื่อรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เบื้องต้นยอมรับว่าทางตำรวจทั้ง 7 นาย ได้ติดตามควบคุมตัวผู้ขับขี่รถยนต์คันหนึ่งที่พยายามขับฝ่าด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในจุดดังกล่าวจึงติดตามเพื่อสกัดจับ ก่อนพบรถยนต์ที่มีลักษณะคล้ายกันตำรวจจึงเข้าควบคุมตัว แต่ผู้ขับขี่มีท่าทีขัดขืน ทำให้ตำรวจใช้กำลังเข้าควบคุมตัว ก่อนมาทราบภายหลังว่าเข้าจับผิดคัน ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ได้นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล พร้อมขอโทษ แต่ทางญาติผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ขอยอมความ จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางเขน ส่วนการใช้กำลังเข้าควบคุมตัวเกินกว่าเหตุหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ญาติประสงค์จะดำเนินคดีเป็นสิทธิ์ของผู้เสียหาย ต้องว่าไปตามกฎหมาย