7 ตำรวจจราจร รุมทำร้าย "ลูกชาย พ.ต.ท." ย่องมอบตัวแล้ว ได้ปล่อยตัวชั่วคราว

จากกรณีตำรวจสังกัดกองบังคับการตำรวจจราจร 7 นาย ก่อเหตุทำร้ายร่างกายลูกชายอดีตตำรวจได้รับบาดเจ็บ หลังจากติดตามจับ เพราะเข้าใจว่าเป็นรถยนต์ ที่ขับแหกด่านตรวจแอลกอฮอล์ ในพื้นที่เกษตร-นวมินทร์

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อกลางดึก วันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สังกัดกองกำกับ 1 บก.จร. รวม 7 นาย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ร่วมกันทำร้ายร่างกาย นายธนานพ อายุ 33 ปี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส คาด่านตรวจแอลกอฮอล์ บริเวณซอยประเสริฐมนูกิจ 21 แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กทม. ทยอยเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน โดยพยายามหลบเลี่ยงสื่อมวลชน

โดยตำรวจทั้ง 7 นาย ต่างใช้ยานพาหนะ ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ในการเดินทางมา ก่อนจะใช้ประตูด้านหลัง สน.บางเขน ขึ้นไปพบพนักงานสอบสวน ที่รออยู่ชั้น 2
มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกลุ่มตำรวจ ทั้ง 7 รายที่ก่อเหตุ เป็นตำรวจในสังกัด กองกำกับ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร

พันตำรวจเอกอนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางเขน เปิดเผยว่า ตำรวจทั้ง 7 นาย ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนครบทุกคนแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นการสอบปากคำ เพื่อเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย

ส่วนพยานหลักฐานขณะนี้ ทางตำรวจได้คลิปจากกล้องวงจรปิด ณ จุดเกิดเหตุครบถ้วน เหลือเพียงต้องกลับไปสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม เพื่อให้ช่วยยืนยันตัวตำรวจแต่ละราย รวมถึงลักษณะการก่อเหตุ และระหว่างก่อเหตุได้มีการพูดคุยอะไรบ้าง ซึ่งยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

ส่วนกรณีที่ครอบครัวของผู้เสียหาย มองว่าคดีนี้อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายนั้น อยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนประเด็นที่ทางครอบครัวต้องการเห็นภาพจากกล้องบอดี้แคมของตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่นั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ประสานไปยัง กองบังคับการตำรวจจราจรเพื่อขอดูภาพดังกล่าวแล้ว

ผู้กำกับการสถานีตำรวจบางเขน เปิดเผยว่า คดีนี้เกิดขึ้น ขณะที่ตำรวจกองบังคับการจราจร ตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.บางเขน แต่การทำร้ายร่างกายผู้เสียหายนั้น เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจโคกคราม

เบื้องต้น พนักงานสอบสวน สน.บางเขนจะเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา ก่อนจะส่งมอบสำนวนให้ สน.โคกครามดำเนินการต่อ แต่เนื่องจากคดีนี้มีความผิดตามมาตรา 157 ฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงต้องส่งสำนวนคดีไปให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณาชี้มูลความผิดและส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

ส่วนการดำเนินการทางวินัย ทางกองบังคับการตำรวจจราจรอยู่ระหว่างการพิจารณาโทษความผิดตามวินัยร้ายแรง

สำหรับตำรวจทั้ง 7 นาย เข้ามาพบพนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ รวมถึงยังมีประเด็นที่ต้องสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม ทำให้หลังจากสอบปากเสร็จสิ้น ทั้งหมดจะถูกปล่อยตัวชั่วคราว