ตำรวจภูธรภาค 2 เด็ดปีก "มังกรเทาดำ" รุกคืบยึดทรัพย์เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กว่า 152 ล้านบาท
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. 2567 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รรท.ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 สนธิกำลังกับ บช.สตม. เจ้าหน้าที่ ปปง. และชุดปฏิบัติการพิเศษบูรพา 491 นำกำลังบุกเข้ายึดทรัพย์ เครือข่ายมังกรเทาดำ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เหิมเกริมเปิดออฟฟิศที่ทาวน์เฮ้าส์แห่งหนึ่งใน อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี ซึ่งจับกุมได้ เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุดกองบังคับการสืบสวนสวนตำรวจภูธรภาค 2 ขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายฟอกเงินเพิ่มเติม 5 ราย เป็นชาวไทย 3 ราย ชาวจีน 2 ราย ยึดทรัพย์รวมมูลค่า 152 ล้านบาท
สำหรับทรัพย์สินที่เจ้าหน้าที่ระดมกำลังกันเข้าตรวจยึดในวันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งพบของกลางจำนวนมาก ประกอบด้วย 1. บ้านหรู เนื้อที่ 3 งาน 12.5 ตรว. ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่า 65 ล้านบาท 2. บ้านหรู เนื้อที่ 3 งาน 6.2 ตรว. ม.10 ต.หนองหรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่า 75 ล้านบาท 3. รถยนต์ LEXUS สีขาว มูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท 4. รถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์ สีขาว มูลค่า 3.5 ล้านบาท 5. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้า 2 สีดำ มูลค่า 4 แสนบาท และทรัพย์สินอื่น ๆ อาทิ กระเป๋าแบรนด์เนม สุราต่างประเทศ ไวน์ รวมทั้งหมดมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 152 ล้านบาท
พล.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รรท.จตช. ให้ความสำคัญในการสืบสวนขยายผลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังจากตำรวจภูธรภาค 2 นำโดย บก.สส.ภ.2 นำกำลังทลายจับกุมแก๊งมังกรเทาดำ ที่ลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ได้แล้วก่อนหน้านี้ ขั้นตอนต่อมาจึงขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รวบรวมหลักฐานออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิด 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มพนักงานออฟฟิศ จำนวน 11 คน 2. กลุ่มบัญชีม้า (รวมจัดหาบัญชี,ยิงแอดโฆษณา) จำนวน 15 คน และ 3. กลุ่มบอส หรือระดับสั่งการ และเครือข่ายฟอกเงิน จำนวน 9 คน
คดีนี้ตำรวจได้ดำเนินการออกหมายแล้วจับทั้งหมด 35 คน จับกุมได้แล้ว 21 คน อยู่ระหว่างติดตามจับกุม 14 คน ซึ่งบางส่วนหลบหนีออกนอกประเทศ อยู่ในกระบวนการติดตามจับกุม ซึ่งแนวทางการสืบสวนพบ เครือข่ายนี้แปลงเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลคริปโทเคอเรนซี (Cryptocurrency) จากนั้นจะโอนต่อไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลนิรนามต่าง ๆ และยังพบว่าตัวการระดับสั่งการ ซึ่งเป็นชาวจีนได้นำเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนบางส่วนมาใช้ในประเทศไทย โดยใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ซื้อบ้านหรู รถยนต์ ทรัพย์สินต่าง ๆ อีกทั้งมีการประกอบกิจการในนามบริษัทนอมินี ใช้บริษัทนอมินีที่เปิดขึ้นมาซื้อ และถือครองทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ จึงได้ประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตรวจสอบ นำไปสู่การติดตามจับกุม และตรวจสอบยึดทรัพย์สิน ดำเนินการตามกฎหมาย
“ตลอดจนจะได้เร่งรัดขยายผลติดตามจับกุมดำเนินคดีกับเครือข่ายกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งอยากประชาสัมพันธ์ให้คนไทยที่คิดจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่น รับจ้างเปิดบัญชีเป็นธุระจัดหาซิมผีบัญชีม้า รวมถึงการเข้าไปร่วมทำธุรกิจหรือถือครองทรัพย์สินซึ่งอาจเข้าข่ายนอมินี จะมีความผิดตามกฎหมาย นอกจากความผิดเรื่องคอลเซ็นเตอร์แล้วยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ. 2542 ด้วย และหากประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลเบาะแส ชาวต่างชาติ หรือคนไทยต้องสงสัยเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ตำรวจภูธรภาค 2” รรท.ผบช.ภ.2 กล่าว