"อ.กฤษณพงค์" ชี้คดี "สจ.โต้ง" คล้ายคดีกำนันนก ปลายทางคืออำนาจ-ผลประโยชน์
จากกรณี นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพักของ นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี กลางดึก วันที่ 11 ธ.ค.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวโกทร กับพวก รวม 7 คน ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นและใช้อาวุธปืนนั้น
ล่าสุดวันที่ 13 ธ.ค. ได้รับการเปิดเผยจากรศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต ว่า คดีนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของอำนาจ ประโยชน์ และอิทธิพล มือปืน ที่ยังมีอยู่ทั้งในการเมืองท้องถิ่น การเมืองระดับชาติ เพราะทั้ง 2 อย่างทั้งการเมืองท้องถิ่นสุดท้ายก็ไปเชื่อมโยงกับการเมืองระดับชาติด้วย
ขณะเดียวกันตำรวจก็ตั้งปมขัดแย้งไว้ คือความขัดแย้งส่วนตัว ความขัดแย้งทางการเมือง แต่ที่ผ่านมาปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง สจ.โต้ง และโกทร จึงเชื่อว่าเป็นความขัดแย้งทางการเมือง เพราะมีการกล่าวอ้างว่าจะช่วยเหลือกัน ทั้งเรื่องบุญคุณ และเรื่องของจำนวนเงินหลักล้าน
ส่วนกรณี ของสจ.โต้ง และคดีกำนันนก มีความคล้ายกันหรือไม่ อาจารย์กฤษณพงค์เผยว่า กรณีนี้ดูเหมือนจะแตกต่างกัน แต่มีความคล้ายกัน แตกต่างกันตรงที่ผู้เสียชีวิตไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐถูกกระทำ แต่เป็นนักการเมืองที่กระทำกับอดีตนักการเมือง โดยประเด็นสำคัญคือเรื่องการเมือง ซึ่งปลายทางคืออำนาจและผลประโยชน์ ที่หลังจากนี้สังคมไทยต้องกลับมาทบทวนว่านักการเมืองในบ้านเราไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเดียวกันหรือ ที่จะทำประโยชน์ให้บ้านเมือง เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แต่กลับกลายมาเป็นวงจรเดิมๆ ตนมองว่าสังคมไทยต้องมองข้ามเรื่องนี้ไปแล้ว
สำหรับเรื่องนี้จะมีการวางแผนหรือไม่ ขณะนี้ตำรวจก็ตั้งปมเอาไว้ ทั้งไม่ได้มีการเตรียมแผนมาก่อนเป็นการโกรธเคืองกันตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง หรือวางแผนก่อนก็เป็นไปได้ ซึ่งจะเป็นลักษณะไหนก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
ส่วนกรณีที่ว่า สจ.โต้งเป็นถึงลูกบุญธรรมของโกทร แต่กลับโดนลูกน้องโกทรยิง เรื่องนี้ตนก็ตั้งข้อสังเกต เพราะตามปกติแล้วคนที่มีความสัมพันธ์กันแล้วยิงกัน ถือเป็นเรื่องผิดปกติ คาดว่าจะมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือได้รับสัญญาณว่าสามารถทำได้ ดังนั้นเมื่อถามว่าจะเรียกว่ามีคำสั่งให้ลงมือใช่หรือไม่ อาจารย์กฤษณพงค์ เผยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ยาก ต้องอาศัยพยานหลักฐาน
ส่วนกรณีที่โกทรกล่าวอ้างว่า ตอนเกิดเหตุไม่กล้าออกจากห้อง หลังได้ยินเสียงปืนนั้น อาจารย์กฤษณพงค์ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า โดยสัญชาตญาณของมนุษย์ เมื่อเราได้ยินเสียงปืนดังต่อเนื่องกัน เป็นไปได้หลายกรณี หากเป็นผู้หญิงหรือเด็ก ก็อาจจะกลัว ต้องหลบอยู่ภายในห้อง หรือคนที่มีความคุ้นเคยกับเสียงปืนอันนี้ตนมองว่าคงไม่หลบอยู่ในห้อง น่าจะมีปฏิกิริยาอย่างอื่น
ส่วนของวิถีกระสุน ตนขอแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ ยิงข้างบนแล้วตกลงมาชั้นล่างด้วยแรงกระสุนปืน หรือเสียหลักตกลงมาจะต้องมีรอยเลือดตามบันไดจนถึงพื้น แต่หากยิงจากข้างล่างก็จะไม่พบร่อยรอยของเลือดที่บันได เว้นแต่จะมีการลากไปมา
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะเงียบหายไปคล้ายคดีของกำนันนกหรือไม่ อาจารย์กฤษณพงค์ เผยว่า ก็ขึ้นอยู่กับสังคมที่ติดตามอย่างต่อเนื่องเพียงใด และพยานหลักฐานจะสาวไปถึงผู้บงการที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และสังคมไทยก็ต้องกลับมาทบทวนกันอีกครั้งว่าการเมืองท้องถิ่น หรือการเมืองระดับชาติ ว่าเราทนเห็นให้มีสภาพแบบนี้ต่อไปหรือ หรือต้องรับสภาพคำว่าบ้านใหญ่ไปอีกนานแค่ไหน ทำไมเราไม่เปลี่ยนเป็นบ้านใหม่ ที่หมายถึงสังคมไทยที่ดีกว่าเดิม ในหลากหลายมิติ คนที่เข้ามาต้องมุ่งพัฒนาบ้านเมือง ไม่ใช่เข้ามากินบ้านกินเมือง