อดีตผู้การกองปราบ​ คาด​ไม่เกิน​ 15 วัน​ รู้ผลสอบเขม่าดินปืน​คดี​ สจ.โต้ง เชื่อกองปราบรับโอนคดี​ 100 % เหตุเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล​ในพื้นที่​ มองปมการตาย​อาจเป็นการแย่งชิงอำนาจ

วันที่ 15 ธ.ค. 2567 พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีต​ สส.พรรคก้าวไกล​ และอดีตผู้บังคับการปราบปราม​ กล่าวถึงการตรวจสอบคราบเขม่าปืน​ในคดียิง​ สจ.โต้ง​ เสียชีวิต​ว่า​ ปัจจุบันมีเรื่องของความทันสมัยเข้ามาช่วย​ จึงคิดว่าไม่น่าจะเกิน 15 วันก็จะได้ผล​ ยิ่งเป็นการยิงจำนวนมาก​ ละอองสารเคมีก็จะติดไปตามพื้นที่ต่างๆ​ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานก็จะตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว​ อีกทั้งเป็นการเก็บพยานหลักฐานภายใน 2 ชั่วโมง​หลังเกิดเหตุ​ และได้ตัวของผู้ต้องสงสัยมาทันที​ โอกาสที่จะคลาดเคลื่อนยากมาก​ ถ้าไม่มีเขม่าปืนคือไม่มี​ แต่ถ้ามี มันจะบอกตัวของกลุ่มคนยิงได้เลย​ มือของผู้ยิงจะต้องเต็มไปด้วยเขม่าของปืน​ และถ้าเป็นผู้ที่ใช้อาวุธปืนยาวตามข่าว​ ต้องมีเขม่า 2 จุด​ คือ ทั้งมือซ้ายและมือขวา​ ส่วนคนอื่น ถ้ามีเขม่าดินปืนติดอยู่ตามร่างกาย​ แสดงว่าอยู่ในที่เกิดเหตุ​ ดังนั้น​ แทบจะไม่มีความผิดพลาดเลยกับการตรวจสอบเขม่าดินปืน​

เมื่อถามว่า การมีอิทธิพลในพื้นที่มีผลต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่​ พล.ต.ต.สุพิศาล​ กล่าวว่า​ ก็ต้องยอมรับว่าตำรวจในพื้นที่อาจจะมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือคนที่เป็นไม้ค้ำยัน​ให้กับกลุ่มผู้มากบารมี​ แต่ส่วนที่จะทำลายพยานหลักฐานได้ต้องเป็นคนที่เข้ามามีบทบาทในชุดของพนักงานสอบสวน​

เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้โอนคดีไปให้กองปราบ​ พล.ต.ต.สุพิศาล​ กล่าวว่า​ มีโอกาสโอนคดีแบบร้อยเปอร์เซ็นต์​ เพราะว่าเท่าที่ตนเคยอยู่กองปราบ​ คดีแบบนี้เข้าคุณสมบัติของการโอนคดี​ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่​ เพราะมันเกินกว่าที่จังหวัด​จะสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความยุติธรรมในคดี​ และยิ่งภรรยาของผู้เสียชีวิตได้ไปร้องแล้ว ตนคิดว่าตอนนี้น่าจะรอเพียงคำสั่งจากผู้บัญชาการสอบสวนกลาง โดยเขาก็จะต้องมีการแสวงหาพยานหลักฐานอย่างรอบด้าน ยกตัวอย่าง​กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าไม่ได้อยู่ตรงจุดเกิดเหตุแต่อยู่ในห้องนอน​ ก็ต้องตรวจสอบด้วยว่ามีความสัมพันธ์กับที่เกิดเหตุอย่างไร ตั้งแต่เป็นแรงจูงใจ เป็นเจ้าของอาวุธปืน หรือมีคำสั่งให้ก่อเหตุ​ จะต้องหาพยานหลักฐานให้ส​อดเนื่องกับข้อกล่าวหาอย่างรัดกุม​

เมื่อถามว่า มองคดีแบบนี้อย่างไร เป็นการตบหัวกันหรือสั่งฆ่า​ พล.ต.ต.สุพิศาล​ กล่าวว่า​ มันมีทั้งอำนาจปืน​ อำนาจเงิน​ อำนาจบารมี​ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้มันเกี่ยวพันอยู่กับผู้มากบารมี คือ​ ฝั่งผู้ถูกกล่าวหา และผู้มีอิทธิพล คือฝั่งผู้เสียชีวิต​ และมันเป็นเรื่องธรรมดา​ เมื่อคุณจะเติบโตมันก็ต้องถูกขัดขวางจากผู้ที่มีอำนาจเดิม มันจึงกลายเป็นการขัดกันระหว่างอำนาจ และยิ่งมีพรรคการเมืองใหญ่ดูแลทั้งสองฝั่ง มันจึงกลายเป็นการแย่งชิงอำนาจได้