"โย" สาวยิงแฟนทอม 6 นัดดับ ถูก ตร.สอบเครียด เจ้าตัวไม่ปริปาก และไร้คำขอโทษ ขณะที่เพื่อนบ้านอาลัย ร่ำไห้สูญเสียคนดี พร้อมใจส่งดวงวิญญาณสู่สุคติ สาปส่งโย "ไปลงนรกซะ"

วันที่ 22 ธ.ค. 2567 เวลาประมาณ 11.00 น. พนักงานสอบสวนสภ. คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้คุมตัวนางสาวโย ผู้ต้องหาคดียิงแฟนทอมจำนวน 6 นัด จนเสียชีวิตภายในบ้านพัก หมู่บ้านพฤกษา D ต.คลองสาม อ.คลองหลวง เมื่อวานนี้ แล้วหลบหนีจนไปถูกตำรวจตามจับได้ที่ บขส.ขอนแก่น มาสอบปากคำที่บริเวณชั้น 2 ของโรงพัก จากการดูสีหน้าท่าทางพบว่านางสาวโยมีสีหน้าค่อนข้างเครียดและก้มหน้าตลอดเวลา ก่อนจะนำมือถือมาโทรคุยกับทนายความ และได้ยื่นมือถือกลับคืนไปให้ทางพนักงานสอบสวน

หลังจากสอบปากคำผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ตำรวจได้คุมตัวนางสาวโยออกมาจากห้องสอบปากคำ เพื่อนำไปคุมขังที่บริเวณชั้นหนึ่งในห้องควบคุมผู้ต้องหาอีกครั้ง โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนางสาวโยว่าทำลงไปเพราะอะไร และอยากจะขอโทษทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตหรือไม่ แต่นางสาวโยไม่ตอบอะไรก่อนจะถูกคุมตัวเข้าไปคุมขังในห้องควบคุมผู้ต้องหา

ต่อมาประมาณ 15.00 น. ทีมข่าวได้รับการประสานจากน้องชายของนางสาวดาว ผู้เสียชีวิต ว่ากำลังนำร่างออกจากนิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มุ่งหน้ามาที่บ้าน กระทั่งมาถึงก็พบว่ามีเพื่อนบ้านของนางสาวดาวมายืนรอร่วมจุดธูปไว้อาลัย และร่วมกันร้องเพลง “เอิ้นสั่งฟ้า” เพื่อส่งนางสาวดาวเป็นครั้งสุดท้าย

หลังจากจุดธูปเรียบร้อย ทางพระที่ครอบครัวได้นิมนต์มาเพื่อทำพิธีเชิญวิญญาณภายในบ้านบริเวณชั้นสอง ก็ทำพิธีเสร็จสิ้น โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 5 นาที แล้วครอบครัวได้กลับขึ้นรถกู้ภัยที่จะนำร่างของนางสาวดาวกลับไปที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นบ้านเกิด

แต่ในขณะนั้นทีมข่าวได้สังเกตเห็นว่า นางสาวปิง ลูกจ้างของนางสาวดาว ที่ทำงานอยู่ในร้านนี้มาร่วม 4 ปี ได้มามายืนเกาะบริเวณโลงศพ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า "พี่ดาวพี่ไม่ต้องห่วงนะ พี่กลับบ้านได้แล้วนะ หนูจะดูแลตัวเอง หนูจะอยู่ต่อ หนูจะไม่ไปไหน ชาติหน้าฉันใดขออย่าให้เจอคนแบบนี้อีกนะ" ก่อนเธอจะเข้าสวมกอดโลงศพของนางสาวดาวเป็นคนสุดท้าย

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนางสาวปิง เธอก็บอกว่า ตอนนี้เธอยังไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะทำงานต่อที่นี่หรือไม่ ต้องอยู่ในความตัดสินใจของน้องชายผู้เสียชีวิต ส่วนเหตุการณ์ที่เธอไปสวมกอดโลงศพและบอกว่าเกิดชาติหน้าฉันใดอย่าให้เจอคนแบบนี้อีก เธอบอกว่า ถ้าเป็นแบบนี้มันไม่คุ้มเลย ถ้าเลิกกันก็ควรจะเลิกไปเลย ไม่ต้องมาฆ่าแกงกันอย่างนี้

เธอยังได้บอกเป็นครั้งสุดท้ายไปถึงนางสาวดาว ว่า ให้พี่กลับบ้าน ไม่ต้องห่วงทางนี้ อยากให้ไปสบาย ไม่ต้องมีทุกข์หรือมาคิดอะไรยุ่งเหยิงอยู่ตรงนี้อีกแล้ว ส่วนนางสาวโยตอนนี้ตนไม่อยากเจอ และไม่อยากเห็นหน้า

ด้านนางสาวภาวิณี เพื่อนบ้านของนางสาวดาว ที่เป็นคนอุ้มร่างนางสาวดาวมาที่โต๊ะหน้าบ้านหลังเกิดเหตุ เปิดใจกับทีมข่าวว่า วันนี้พวกตนตั้งใจมาส่งนางสาวดาว เพราะนางสาวดาวเป็นที่รักของคนในชุมชนไม่ว่าจะเกิดปัญหาใดเกิดขึ้น นางสาวดาวก็จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โควิด นางสาวดาวก็นำที่ตรวจโควิดมาตรวจให้กับชาวบ้านจนได้รับขนานนามว่า “หมอดาว”

หรือแม้กระทั่งในปี 2554 ที่เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี นางสาวดาวก็ไปเช่าเหมาเรือเข้าให้ประชาชนได้อำนวยความสะดวกกันในช่วงเวลานั้น ด้วยความที่นางสาวดาวไม่เคยทิ้งใคร และทำจากใจจริงจึงได้ใจของทุกคน

พร้อมกับมีการตั้งคำถามกับทางนักข่าวว่า เคยไปทำข่าวที่ไหนแล้วชาวบ้านมาร่วมส่งเป็นครั้งสุดท้ายแบบเหตุการณ์นี้หรือไม่ นั่นแหละคือความรักที่ชาวบ้านมีให้นางสาวดาว จากการที่เป็นคนดี ตนเพื่อนบ้านตนยังร้องไห้ได้ขนาดนี้ แล้วญาติของผู้เสียชีวิตจะมีความรู้สึกแย่ขนาดไหนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเสียใจมากที่สูญเสียคนดีในหมู่บ้านไปหนึ่งคน

นอกจากนี้ นางสาวภาวิณี ยังได้นำคำพูดของนางสาวปิง ลูกจ้างของนางสาวดาว มาพูดอีกครั้งว่า "ไม่ว่าจะเกิดชาติหน้าฉันใดก็ขออย่าให้เจอกับคนแบบนี้อีก ขอให้น้องดาวไปเจอคนที่ดีกว่านี้เถอะ"

สุดท้ายทีมข่าวได้ถามว่า หากในตอนนี้นางสาวภาวิณีได้พูดคุยกับนางสาวโยได้อยากจะบอกอะไรกับนางนางสาวโย โดยนางสาวภาวิณีบอกมาสั้นๆ คำเดียวว่า "ไปลงนรกซะ"