สืบนครบาลรวบชาวจีน เปิดห้อง ย่านรามคำแหง เฝ้า SIM BOX กระจายสัญญาณแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกกลางกรุง
จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล เข้าตรวจค้นห้องพักชั้น 5 อาคารแห่งหนึ่งใน ซอยรามคำแหง 24/3 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ลักษณะเป็นอพาร์ตเมนต์ให้เช่า สูง 7 ชั้น ปลูกติดกันหลายอาคาร โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย สัญชาติจีน ได้พร้อมของกลาง อาทิ อุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ (SIM BOX) จำนวน 8 ชุด, เราต์เตอร์ อินเทอร์เน็ต 2 ตัว, สวิตช์ฮับ จำนวน 1 ตัว, กล้องวงจรปิด 1 ตัว และอุปกรณ์สำรองไฟจำนวน 1 ตัว
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตำรวจสืบนครบาลได้ตรวจสอบผู้เสียหายที่ถูกขบวนการคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยแกะรอยจากคดีผู้เสียหายจากอยุธยา อ้างตำรวจ สภ.เมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ความเสียหาย 10,600 บาท แจ้งความผ่าน ศูนย์ AOC 1441 โดยใช้เวลาตรวจสอบกว่า 30 วัน จนกระทั่งพบออฟฟิศสั่งการอยู่ย่านหัวหมาก มีตั้งกล้องวงปิดดูหน้าห้องสั่งการผ่านทางออนไลน์จากที่อื่น
ต่อมา พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ได้มาตรวจสอบยังห้องที่ตรวจค้น เพื่อตรวจสอบเครื่องซิมบ็อกซ์ของกลางพร้อมอุปกรณ์อื่น ๆ ก่อนที่จะมีการพูดคุยกับผู้ต้องหาชาวจีนผ่านล่าม โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาปฏิเสธ ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับห้องดังกล่าว โดยตัวเองเข้ามาประเทศไทยในฐานะนักศึกษา
การตรวจค้นในครั้งนี้สามารถจับกุมนายคุนหมิง อายุ 19 ปี ได้พร้อมแฟนสาว ซึ่งให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา รับเป็นเพียงนายหน้ารับเช่าห้องพักในกรุงเทพฯ ให้คนจีน จากการตรวจสอบห้องพักให้ พบสัญญาเช่าจำนวนมาก
พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยว่า จากการสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ขยายผลจากผู้เสียหายที่ได้มีการแจ้งความทางออนไลน์ไว้กว่า 100 คดี จนพบการลักลอบใช้ซิมบ็อกซ์นำมาใช้หลอกลวงคนไทยของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้พบคนร้ายใช้ห้องพักที่อพาร์ทเมนต์แห่งนี้ มีซิมบ็อกซ์ทั้งหมด 8 กล่อง ซึ่งหนึ่งบ็อกซ์จะมี 32 ซิม รวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ครั้งนี้พบวิธีการที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างชัดเจน 2 วิธี ดังนี้
1. สัญญาณที่ส่งมาใช้ซิมบ็อกซ์ไม่ได้มาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ในประเทศกัมพูชา เมียนมา ลาว แต่มาจากสิงคโปร์ ซึ่งเป็นวิธีการปรับเปลี่ยนไม่ให้ตำรวจเช็กที่มาของสัญญาณได้ หลังจากนี้จะขยายผลหาจุดที่แท้จริงของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเดิมเชื่อว่าอยู่ในจุดเดิม ๆ ที่เคยจับกุมได้
2. ซิมบ็อกซ์ที่ได้มาในครั้งนี้เป็นรูปแบบใหม่ โดยพบว่าครั้งนี้ไม่พบซิมการ์ดเลย โดยซิมอยู่ในต่างประเทศทั้งหมดเป็นวิธีการเลี่ยงไม่ให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ที่ลงทะเบียนซิมรวมถึงผู้ให้บริการ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตำรวจจะสามารถขยายผลได้
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า การดำเนินคดีสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คนเป็นผู้ดูแลอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ และผู้ทำสัญญาเช่า เข้าประเทศไทยมาได้ 2-3 เดือน จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาใช้ชื่อเปิดห้องพักอีกหลายพื้นที่ โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ทั้งนี้พยานหลักฐานของตำรวจค่อนข้างชัดเจนว่ามีความเกี่ยวข้องเข้ามาดูแลซิมบล็อก ซึ่งมีการขยายผลตรวจค้นอีก 14 จุด ขณะที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพบว่าภายในห้องพัก มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ ตำรวจ บก.สส.บช.น. อยู่ระหว่างทำการตรวจสอบเพิ่มเติม
จากการสืบสวนการกระทำดังกล่าวของกลุ่มคนร้ายมีการใช้เครื่องมือซิมบ็อกซ์เป็นตัวกลางในการโทรศัพท์มาจากต่างประเทศผ่านเครื่องซิมบ็อกซ์เพื่อให้หมายเลขโทรศัพท์ ที่ปรากฎบนเครื่องโทรศัพท์มือถือของเหยื่อหรือผู้เสียหายเป็นหมายเลขโทรศัพท์ในประเทศไทย ส่วนการดำเนินการกับผู้ที่เปิดซิม ทางตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผล ซึ่งจะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่ขายซิมและผู้ที่ลงทะเบียนให้ ไม่ว่าใครก็ตามที่ไปขายซิมให้กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะต้องถูกจับกุมฐานตัวการหรือร่วมสนับสนุนขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เมื่อถามถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขีดเส้นปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ทันภายในปี 2568 พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่าตำรวจมั่นใจว่าทำตามนโยบายรัฐบาลได้ ตำรวจทำงานเต็มที่ร่วมกันหลายหน่วยงาน คดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีจำนวนมากทำให้การทำงานของตำรวจต้องปรับตัวอย่างมาก ข้อมูลต่าง ๆ ต้องได้มาอย่างรวดเร็ว รวมถึงข้อมูลธนาคารต่าง ๆ ทำให้หลายหน่วยต้องปรับตัว โดย ผบ.ตร. ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ไม่กดดันที่มีการกำหนดวันเพราะเป็นเรื่องที่ดีที่มีการตั้งเป้าหมายไว้ และเป็นของขวัญให้กับประชาชน ส่วนการทำงานมีหลายวิธีในการดำเนินการผ่านอินเตอร์โพล รวมถึงการทำงานในการพูดคุยหาความร่วมมือเพื่อบังคับใช้กฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องดำเนินการควบคู่กันไป
ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน มี ใช้ นำเข้า นำออกหรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตาม ม.6 พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตาม ม.11 พรบ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3 ตาม ม.67(3) พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองรายเจ้าหน้าที่คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป