ผู้เสียหายผับดังย่านบางใหญ่ เข้าแจ้งความทะลุ 65 รายแล้ว ขณะที่ PDPC ชี้ช่องใครถูกถ่ายบัตรประชาชนเข้ามาแจ้งได้

วันที่ 5 ม.ค. 68 พ.ต.อ.รณภัฎ ทับทิมธงไช ผกก.สภ.บางใหญ่ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPC และ นายกษิดินทร ธนาภัคธรณ์ ปลัดอำเภอบางใหญ่ รับผิดชอบฝ่ายความมั่นคง ร่วมกันแถลงข่าว ความคืบหน้ากรณีตรวจสอบ สถานบันเทิงย่านบางใหญ่ หลังจากได้รับการร้องเรียนหลายประเด็นเช่น การทำร้ายร่างกายผู้ใช้บริการ การเปิดสถานบันเทิงเกินเวลา รวมถึงในสื่อโซเชียลเปิดเผยข้อมูล อ้างว่า สถานบันเทิงดังกล่าวมีการถ่ายหน้าบัตรประชาชนของลูกค้า แล้วนำไปขายต่อให้กลุ่มจีนเทา

พ.ต.อ.สุรพงศ์ สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ทางสำนักงาน PDPC ตรวจพบข้อมูลจากเพจ แบน สถานบันเทิงย่านบางใหญ่ โพสต์ข้อมูลว่า พนักงานของร้านดังกล่าวถ่ายหน้าบัตรประชาชนของลูกค้า และอาจนำไปขายต่อ ซึ่งเป็นเหตุนำไปสู่อาชญากรรมอื่นที่ร้ายแรง จึงมองว่าเรื่องนี้น่าสนใจประกอบกับทางหน่วยงานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีอยู่แล้วว่าหากเกิดเหตุที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล สามารถแจ้งเหตุมาที่สำนักงานเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลมได้

พ.ต.อ.สุรพงศ์ บอกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ประเด็นแรกเรื่องการถ่ายหน้าบัตรประชาชนเพื่อเข้าร้าน มองว่าอาจเป็นการเก็บข้อมูลเกินความจำเป็น หลังจากนั้นต้องตรวจสอบในประเด็นที่สองคือเมื่อเก็บรวบรวมข้อมูลไปแล้วมีการนำไปเปิดเผยหรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ ข้อมูลที่เป็นความลับส่วนบุคคล ต้องแก้ไขยับยั้งในทันที

โดยการตรวจสอบอย่างแรกคือ ต้องให้เจ้าของร้านตรวจสอบว่า พนักงานของร้านมีพฤติกรรมลักษณะดังกล่าวจริงหรือไม่ ต่อมาคือ ส่วนของผู้เสียหายที่มีการแจ้งความกับทางตำรวจ ก็จะให้เจ้าหน้าที่แนะนำสิทธิ์แจ้งเรื่องมายังหน่วยงาน PDPC เนื่องจากตามกระบวนการจะมีช่องทางเยียวยาความเดือดร้อนด้วย

ส่วนความคืบหน้าของผู้เสียหายพ.ต.อ.รณภัฎ ผกก.สภ.บางใหญ่ เผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายที่กังวลว่า จะถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ เข้าลงบันทึกประจำวันแล้ว 65 คน โดยจำนวนนี้เจ้าหน้าที่จะนำเข้าระบบของหน่วยงาน PDPC ให้โดยที่ไม่ต้องร้องเรียนในระบบซ้ำ ส่วนผู้เสียหายรายอื่นที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความทาง สภ. บางใหญ่ ทางตำรวจก็ตั้งโต๊ะไว้ให้บริการทุกวัน

ส่วนผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายร่างกาย ลักษณะมีแผลฟกช้ำขณะนี้รอผลแพทย์ และผลการสอบปากคำ รวมถึงทางตำรวจยังอยู่ระหว่างรวบรวมประเด็นข้อสงสัยเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเชิญทางผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งที่ปรากฏในคลิปรวมถึงเจ้าของร้านมาให้ข้อมูลต่อไป

ส่วนกรณีที่ในเพจโซเชียลมีการเปิดเผยข้อมูลว่าเจ้าของร้านมีพ่อเป็นผู้บัญชาการภาค จนมีความกังวลใจเรื่องการทำคดีนั้น ผกก.สภ.บางใหญ่ จากการตรวจสอบไม่พบข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามที่ในเพจโซเชียลโพสต์ข้อมูล แต่จากการตรวจสอบอาจมีญาติเป็นตำรวจจริง แต่เป็นตำแหน่งในอดีตไม่ใช่ยศปัจจุบัน รวมถึงตัวเองก็ไม่ได้ รู้จักบุคคลนี้ และขณะนี้ก็ยังไม่มีใครประสานเข้ามา พร้อมยืนยันว่าไม่ต้องกังวลเรื่องการทำคดีจะทำอย่างตรงไปตรงมา

ส่วนกรณีที่เมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงฝ่ายปกครอง ลงตรวจสอบสถานบันเทิงย่านบางใหญ่ ก่อนให้ปิดชั่วคราว 5 วัน นายกษิดินทร ปลัดอำเภอบางใหญ่ บอกว่า จากการตรวจสอบไม่พบการกระทำความผิดทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกินเวลา / อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าร้าน / เรื่องยาเสพติดหรืออาวุธผิดกฎหมาย แต่เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้มีการร้องเรียนเข้ามาเพื่อเป็นการเคลียร์ปัญหาต่างๆจึงขอความร่วมมือให้ทางร้านปิดให้บริการชั่วคราวก่อน 5 วัน

นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังแนะนำ ให้ทางร้านเพิ่มไฟส่องสว่าง ในจุดที่สุ่มเสี่ยงกระทำความผิด และให้ติดประกาศใบอนุญาตให้ชัดเจน ในส่วนของการจดทะเบียนร้านดังกล่าวเป็นการจดทะเบียนลักษณะร้านอาหารที่คล้ายสถานบริการเนื่องจากในจังหวัดนนทบุรีไม่สามารถออกใบอนุญาตสถานบริการได้ มีใบอนุญาตให้จำหน่ายเหล้าบุหรี่จากสรรพสามิตถูกต้อง / มีใบอนุญาตจัดจำหน่ายอาหารหรือสะสมอาหาร และใบอนุญาตสถานประกอบการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีลูกค้าออกมาให้ข้อมูลว่าทางร้านจำหน่ายเหล้าปลอมนั้น ปลัดอำเภอบางใหญ่บอกว่าในส่วนนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่สรรพสามิตเข้ามาตรวจสอบซึ่งเบื้องต้นได้ประสานข้อมูลไปเรียบร้อยแล้ว

ส่วนเรื่องการตรวจสอบเกินเวลา ยืนยันว่ามีการกวดขันอยู่ตลอดทั้งฝ่ายปกครองและตำรวจ ซึ่งปกติจะเป็นเที่ยงคืนแต่เนื่องจากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาก็จะมีการอนุโลมให้เปิดได้ถึงช่วง 6 โมงเช้า ซึ่งคาดว่าที่มีการร้องเรียนก็น่าจะเป็นช่วงเทศกาล ส่วนข้อสงสัยที่ว่าทำไมการลงตรวจสอบครั้งนี้ถึงไม่พบสิ่งผิดปกติหรือสิ่งผิดกฎหมายมีการแจ้งทางร้านล่วงหน้าหรือไม่ทางปลัดอำเภอบางใหญ่ยืนยันว่าไม่ได้แจ้งล่วงหน้าแน่นอน

 

ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ แฉพฤติกรรมพนักงานร้านสถานบันเทิงดังย่านบางใหญ่ ทุกครั้งที่เข้าร้าน การ์ดถ่ายทั้งหน้าลูกค้าและหน้าบัตรประชาชน


นายฟาโรห์ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนและเพื่อนเข้าไปใช้บริการที่ร้านดังกล่าวหลายครั้งแล้ว ซึ่งทุกครั้งก่อนเข้าร้าน เจ้าหน้าที่การ์ดหน้าร้านจะมีการขอถ่ายรูปบัตรประชาชน และถ่ายรูปใบหน้าตรงและเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกันก่อนที่จะเข้าร้านทุกครั้ง ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกใจแต่ไม่กล้าถาม เข้าใจว่าเป็นมาตรการของทางร้าน หลังจากนั้นเริ่มรู้สึกเอะใจเมื่อประมาณปี 2566-2567 ประกอบเห็นข่าวเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการเปิดบัญชีม้า บ่อยครั้ง จึงตัดสินใจปรึกษาครอบครัวและเข้าแจ้งความที่ สภ.บางใหญ่ เพราะเกรงว่า ข้อมูลส่วนตัวจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย

ส่วนเรื่องบุคลิกของการ์ด เท่าที่สังเกตมีทั้งแบบปกติ และมีบางคนที่มีลักษณะแปลกๆ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ลักษณะที่แปลกคือกร่างและดูน่ากลัวใช่หรือไม่ ผู้เสียหายก็บอกว่า ใช่ครับ

ผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามผู้เสียหายว่าส่วนใหญ่กลับออกจากร้านช่วงเวลาใด ผู้เสียหายบอกว่า ส่วนใหญ่จะออกจากร้านเวลา 03.00 น. ซึ่งนักท่องเที่ยวขาประจำร้านนี้จะทราบกันดีว่าร้านนี้ ปิดดึกหรือเรียกง่ายๆว่า เป็นร้านที่ไปดื่มกันต่อหลังจากร้านอื่นปิดแล้ว ซึ่งมีครั้งหนึ่งขณะที่ตนนั่งดื่มอยู่ภายในร้านมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองลงตรวจสอบร้าน ทางร้านจะมีลักษณะปิดประตูลง และให้ลูกค้านั่งอยู่ภายในร้าน เมื่อตำรวจและเจ้าหน้าที่กลับออกไปก็จะเปิดประตูเหมือนเดิม และบ่อยครั้ง ช่วงหลังเที่ยงคืนไปแล้ว จะปิดประตูด้านหน้าแง้มไว้เพียงเล็กน้อยและหรี่ไฟลง แต่คนในร้านยังนั่งดื่ม และวงดนตรีก็ยังมีการเล่นดนตรีตามปกติ โดยจะมีการ์ดของร้านคอยยืนดูแลอยู่ด้านนอก