สาวต้นเรื่องคู่กรณีผับดังย่านบางใหญ่ ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าฯ นนทบุรี เล่าเหตุการณ์และจำลองการถูกทำร้ายหน้าร้าน โชว์บาดแผลฟกช้ำตามแขน พร้อมขอโทษที่บูลลี่พนักงานว่า "ป้าลูซี่"
วันที่ 5 ม.ค. 2568 ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ผู้เสียหายที่เป็นคู่กรณีกับร้านอาหารกึ่งผับชื่อดังย่านบางใหญ่ คือ น.ส.หมิว ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เนื่องจากรู้สึกกลัว ไม่สบายใจ และยังกังวลเนื่องจากครอบครัวมีทั้งผู้สูงอายุและเด็กอาศัยอยู่ด้วยกัน ทำให้ทางเพจกล้าที่จะก้าวให้คำแนะนำให้มาขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัด
โดย น.ส.หมิว อายุ 22 ปี เล่าว่า ปกติตนจะเดินทางมาที่ร้านนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นวาระสำคัญอะไร ซึ่งใช้บริการร้านนี้มาร่วม 2 ปีแล้ว นับตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ถูกพนักงานร้านถ่ายภาพบัตรประชาชนพร้อมกับใบหน้ามาโดยตลอด แต่ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไรกับการกระทำดังกล่าว แต่พอมีข่าวออกมาแบบนี้ก็ตกใจ
เธอได้เล่าย้อนเหตุการณ์ให้ทีมข่าวฟังว่า ในวันนั้นเธอและเพื่อนอีก 5 คน ได้เดินทางไปสังสรรค์ที่ร้านดังกล่าว ขณะกำลังเดินทางกลับ ตนรู้สึกว่าโทรศัพท์ 2 เครื่องของตนหายไป จึงได้เดินกลับเข้าไปที่ร้านเพื่อไปตามหา ซึ่งก็เดินวนอยู่ในนั้นสักพัก ก่อนจะเข้าไปสอบถามกับพนักงานร้าน โดยบอกว่า โทรศัพท์ทั้งสองเครื่องของตนที่หายไปยังหาไม่เจอ ซึ่งตอนแรกเริ่มจากถามการ์ด และการ์ดให้ไปถามแคชเชียร์ต่อ แต่ก็บอกว่าไม่มีใครมาแจ้งไว้ว่าพบโทรศัพท์ทั้งสองเครื่อง ตนจึงได้ร้องขอให้ทางร้านประกาศเพื่อตามหาโทรศัพท์ จึงได้ข้ามมาแคชเชียร์อีกฝั่ง ซึ่งเป็นเคาน์เตอร์หน้าบาร์ และขอให้ทางร้านได้เปิดกล้องวงจรปิดให้ดู แต่พนักงานสาวประเภทสองมีการพูดตอบกลับหาตนว่า จะให้หายังไง นี่มันร้านเหล้านะ คนมันเยอะแยะ จะให้หายังไง ทำให้ตนเกิดอารมณ์โมโหและมีปากเสียงกัน ก่อนจะเกิดการไม่พอใจระหว่างกัน ตนจึงใช้แขนไปทุบโต๊ะบริเวณเคาน์เตอร์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนไม่โอเคกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนพนักงานจะเดินไปการ์ดแจ้งให้มานำตัวตนออกไป และเกิดเหตุการณ์ที่ถูกทำร้ายร่างกายต่อ โดยทีมข่าวได้ขอดูภาพบาดแผล รอยฟกช้ำ และจำลองเหตุการณ์ขณะที่เกิดเหตุว่าการ์ดได้ทำอย่างไรกับ นส.หมิว
ส่วนกรณีที่ตนได้โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊ก ได้แท็กชื่อร้าน เพราะตนต้องการจะสื่อให้เห็นว่าตนไปดื่มที่ร้านดังกล่าวจริง ส่วนการโพสต์ความในใจ และมีการกล่าวบูลลี่ พนักงานคนหนึ่งว่าป้าลูซี่ ตนขอโทษในส่วนนี้ เพราะเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมและเป็นส่วนที่ตนผิด
ส่วนเรื่องยาเสพติดภายในร้าน ตนเคยสังเกตว่าบางครั้งมีลูกค้าบางคนนำสารบางอย่างมาวางไว้บนโต๊ะ เป็นลักษณะซองซิปใส่สารบางอย่างอยู่ด้านใน
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามถึงประเด็นการปิดร้าน หลังจากทางปลัดอำเภอบางใหญ่ได้ออกมาแถลงต่อสื่อมวลชนว่า ร้านมีการปิดตามปกติที่กำหนดเวลาไว้ ทว่า น.ส.หมิว ได้เปิดเผยข้อมูลอีกด้านกับทางสื่อมวลชนบอกว่า ปกติแล้วเวลาตนไปเที่ยวก็จะออกจากร้านประมาณตีสองถึงตีสาม และในบางครั้งตนก็เคยสอบถามกับเพื่อนที่เคยไปท่องเที่ยวที่สถานบันเทิงดังกล่าวด้วยว่าร้านปิดกี่โมง ซึ่งก็ได้รับคำตอบมาว่า ประมาณตีสี่ของทุกวัน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะไม่มีวงดนตรีมาเล่น แต่จะเป็นดีเจเปิดเพลงแทน ซึ่งตนมองว่าที่กรมการปกครองลงไปตรวจและไม่พบว่าเปิดร้านเกินกว่าเวลากำหนดนั้น ตนอยากให้เข้าไปตรวจอย่างจริงจัง เพราะตั้งแต่ตนเคยใช้บริการที่นี่มา ก็ไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานใด ข้ามาปิดร้าน และตรวจสอบอย่างจริงจังสักที
สุดท้าย น.ส.หมิว ได้บอกกับสื่อมวลชนว่า ตนพร้อมที่จะสู้แต่ ไม่รู้ว่าจะสู้ได้หรือไม่ ตนอยากให้ร้านได้เข้าใจในมุมของลูกค้าอย่างตนบ้าง ว่าที่ตนไปใช้บริการร้านก็เสียตังค์เข้าไป และที่ผ่านมา ตนก็ได้โพสต์ชมร้านมาโดยตลอด ว่าที่ร้านดีทุกอย่าง ยกเว้นพนักงาน ส่วนเรื่องคดีตนก็จะดำเนินการไป โดยให้ร้านเข้ามารับผิดชอบเรื่องของการทำร้ายร่างกายต่อไป