"ปานเทพ" เผยเริ่มมีอาสาคล้าย "แตงโม" มาสมัครบ้างแล้ว ยังขาด "แซน" ด้านอัจฉริยะโวจำลองเหตุการณ์ 16 ม.ค. นี้ คนทั้งโลกจะได้เห็นของจริง พร้อมชี้พิรุธโทรศัพท์มือถือ 5 คนบนเรือ ใครถือ ทำไมไปคนละทิศละทาง

วันที่ 6 มกราคม 2568 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ให้สัมภาษณ์ประเด็นคดีของนางสาวนิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม รวมถึงการเปิดรับอาสาสมัครคนคล้ายแตงโมและแซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ว่าจากกรณีที่ได้ติดตามการทดสอบจำลองการตกน้ำจำนวนมาก มีความเห็นว่า ไม่เหมือนข้อเท็จจริง ผู้ที่ตกเรือหรือนั่งท้ายเรือจะต้องมีลักษณะเพศตรงกันหรือใกล้เคียงกัน รวมถึงความสูงและน้ำหนักต้องใกล้เคียงกัน และแต่งชุดคล้ายกันมากทั้งการใส่เสื้อคลุม การใส่ชุดบอดี้สูท และความเร็วต้องมีความสอดรับกับสภาพข้อเท็จจริง โดยสิ่งแวดล้อมและพยานที่ทดสอบนั้นจะต้องเหมือนจริงที่สุดถึงจะเข้าใจทั้งหมด ด้วยความพยายามของสื่อในรอบ 3 ปีที่แล้ว เห็นว่าน่าจะทำให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จึงเห็นควรให้ทดสอบให้ใกล้เคียงที่สุด ทั้งความเร็ว การแต่งกาย ความสูง และน้ำหนักของบุคคลที่มาทดสอบ จึงเปิดรับอาสาสมัครบุคคลที่คล้ายแตงโมทั้งความสูงและน้ำหนักใกล้เคียง เพื่อทดลองอีกครั้ง ดังนี้
1.ผู้หญิงคล้ายแตงโม ความสูงระหว่าง 167-168 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง
2.ผู้ที่มีความคล้ายแซน ผู้หญิง/ผู้ชายที่แปลงเพศเป็นหญิงแล้ว ความสูงระหว่าง 165-170 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45-52 กิโลกรัม ว่ายน้ำได้แข็งแรง

โดยนัดหมายกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ในวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 เพื่อทดสอบจำลองสถานการณ์ในวันเกิดเหตุต่อหน้าสื่อมวลชน ทั้งความเร็วและท่าเรือ รวมถึงทดสอบเรื่องอื่นๆ โดยผู้ที่จะทดสอบต้องมีความกล้า ต้องว่ายน้ำเป็น เพราะจะต้องมีการทดสอบการตกน้ำจริงแต่อยู่บนพื้นฐานความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้เริ่มมีผู้สมัครเข้ามาบ้างแล้ว สำหรับใครที่สนใจเข้าร่วมการเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ สามารถส่งรูปถ่าย ชื่อ และเบอร์โทร ส่งไปรษณีย์ หรือฝากไว้ที่ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ 10200 หรือติดต่อชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม

ซึ่งการจำลองเหตุการณ์ในวันนั้น ไม่ใช่จะทำให้เกิดบาดแผล แต่จะเป็นการจำลองการตกน้ำของแตงโม ถ้าได้พิสูจน์ตามข้อเท็จจริง และมีเครื่องแต่งกายตามวันเกิดเหตุน่าจะได้เห็นความจริงบางอย่าง สำหรับการใส่ชุดในลักษณะนั้นไปท้ายเรือที่วิ่งด้วยความเร็ว 8 น็อต ท้ายเรือจะจมน้ำ และไม่เอื้ออำนวยที่จะให้มีการปัสสาวะท้ายเรือ และชุดจะเปียกน้ำ และหากไม่ให้ชุดเปียกน้ำจะต้องดึงผ้าด้วยมือข้างไหน และมือข้างไหนที่จะยึดเหนี่ยวไม่ให้ตัวเองตกน้ำ รวมถึงมือข้างไหนที่จะใช้ดึงบอดี้สูทเพื่อปัสสาวะ ซึ่งจะพิสูจน์ความเป็นจริงว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะปัสสาวะท้ายเรือ

และจะทดสอบการตกน้ำท้ายเรือ ที่มีการกล่าวอ้างว่า มีการจับขาของคุณแซน รวมถึงอยู่บริเวณด้านซ้ายของกราบเรือ ต้องจำลองการตกน้ำเกิดขึ้นในความเร็วที่แตกต่างกัน ว่าคนที่ตกกราบซ้ายเรือ จะสามารถมีบาดแผลหรือไม่ ซึ่งเราจะเห็นความจริงในวันนั้นมากขึ้น

พร้อมตั้งข้อสังเกตในเรื่องของโทรศัพท์มือถือของแตงโมในวันที่เกิดเหตุ โดยนายปานเทพ ระบุว่า โทรศัพท์ของแตงโมมีอิสระในการเคลื่อนที่ ทั้งที่เรือของนายปอและโรเบิร์ตขับไปที่อู่เรือ NBC แต่โทรศัพท์ของแตงโมยังอยู่ที่ท่าเรือพิบูล 3 ก่อนที่ GPS ของโทรศัพท์จะไปปรากฏอยู่ที่ร้านโทรศัพท์แห่งหนึ่งในท่าเรือพิบูล 3 และยังพบอีกว่าโทรศัพท์มือถือของแตงโมยังถูกปิดเครื่องไปถึง 3 ชั่วโมง จึงตั้งข้อสังเกตว่า มีใครไปเป็นคนถือโทรศัพท์ของแตงโมหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องภาพถ่ายที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ที่จริงแล้วจะเห็นได้ว่า สิ่งที่สงสัยที่สุดคือช่วงเวลาก่อนสี่ทุ่ม เพราะว่าพบเรื่องที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องภาพของกระติก และแตงโม แม้ตำแหน่งในเวลาจะถูกต้อง แต่หลายคนสงสัยว่าเป็นภาพแตงโมจริงหรือไม่

เมื่อถามว่า ก่อนที่มือถือจะถึงมือบังแจ็คนั้น ก่อนหน้านี้อยู่กับใคร และถึงมือไปอยู่ที่บังแจ็คได้อย่างไรนั้น นายปานเทพมองว่า เรื่องนี้เมื่อ 3 ปีก่อน คุณแม่ได้เป็นคนนำโทรศัพท์มือถือของแตงโมให้กับบังแจ็คเอง อ้างว่าบังแจ็คพยายามที่จะช่วยเหลือ ซึ่งบังแจ็คก็ได้นำข้อมูลออกมาเปิดเผยโดยตลอด ก่อนที่บังแจ็คอ้างว่ามีคนส่งเสื้อสีน้ำตาลเปื้อนเลือด และอ้างว่าเป็นเลือดของคุณแตงโมมาให้บังแจ็ค แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่ใช่เลือดของแตงโม ทำให้หลายคนไม่เชื่อบังแจ็ค ซึ่งเรื่องนี้มองว่าข้อมูลบางส่วนที่บังแจ็คนำมาเปิดเผยนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะมีคนวางงานบังแจ็ค ขณะนี้โทรศัพท์มือถือยังอยู่กับบังแจ็คที่สหรัฐอเมริกา ยังไม่ได้ถูกส่งกลับคืนมา

ทางด้าน แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กรรมการสิทธิมนุษยชนสิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค บอกว่า ไม่ได้ตกท้ายเรือแน่ๆ อาจจะมีการตกที่หัวเรือหรือไม่อย่างไรนั้น นายปานเทพอยากบอกให้ทราบว่า ตกหัวเรือไม่ได้ เพราะลักษณะขาทั้งสองข้างย้อนศรคนละทิศกัน แปลว่าไม่มีทางเป็นใบพัดที่จะมาบาดทั้งขาและแขนได้ เพราะบาดแผลเกิดจากของมีคม

เมื่อถามว่า การจำลองที่จะเกิดขึ้นนั้น หมายถึงว่า มีการสั่งให้รื้อคดีนี้แล้วใช่หรือไม่ นายปานเทพ ระบุว่า คดีที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นคดีระหว่างอัยการซึ่งเป็นโจทก์หลัก โดยมีคุณแม่ของแตงโมเป็นโจทย์ร่วมในการดำเนินคดีกับบุคคลที่เหลือที่อยู่ในเรือ โดยเฉพาะกรณีของคุณปอ และโรเบิร์ต ที่ยอมรับสารภาพในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งกรณีนี้เราไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง เราไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่อัยการ ซึ่งนายอัจฉริยะได้ดำเนินการเรื่องนี้ไปแล้ว โดยไปยื่นหนังสือให้กับทางสำนักงานอัยการสูงสุด

ประการที่สอง นายอัจฉริยะได้ยื่นพยานหลักฐานใหม่ไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่หลายคนมักจะพูดว่าเป็นหลักฐานเก่า ซึ่งเรื่องนี้ นายปานเทพระบุว่า เป็นหลักฐานเก่าจริง แต่เป็นหลักฐานเก่าที่ไม่ได้อยู่ในสำนวน จึงจะต้องนำมาพิจารณาใหม่ พร้อมบอกว่า นายอัจฉริยะเคยมีประสบการณ์ในการพลิกจากคดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเป็นคดีฆาตกรรมมาแล้ว จึงมองว่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็มองว่าเป้าหมายของคนที่มาทำเรื่องนี้ต้องการทำความจริงให้ปรากฏ ถือว่าเป็นเป้าหมายหลักว่าเราทำเต็มที่ทำจนสุดความสามารถ ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ ไม่ใช่ตัวเรา มันเป็นแค่กลไกหนึ่งที่เราจะต้องเคารพในกระบวนการนั้น แต่เราจะขอทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดจนสุดทาง ไม่มีอะไรค้างในใจ

มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมพวกเรามาทำคดีนี้ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัว นายปานเทพ กล่าวว่า พวกเราสงสารคุณแตงโม และเชื่อว่ากระบวนการที่เป็นอยู่ในขณะนี้ยังไม่ ยุติธรรมเพียงพอสำหรับคุณแตงโม ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีประโยชน์กับประชาชน พร้อมบอกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณแม่แตงโม เพราะฉะนั้นคุณแม่แตงโมจะไม่พอใจหรืออย่างไรก็ตาม ก็เป็นสิทธิ์ของคุณแม่แตงโมสามารถทำได้เต็มที่

ในส่วนของผลลัพธ์ของการจำลอง นายปานเทพ กล่าวว่า จะต้องมีการวางแผนก่อนให้เป็นระบบในวิธีการทดสอบทั้งหมด ก่อนที่จะไปทดสอบจริงจะต้องเก็บทั้งภาพวิดีโอ วิธีการทดสอบเพื่อให้หมดข้อสงสัย เพราะจะเป็นการทดสอบเพื่อให้หมดข้อสงสัย

ส่วนกรณีที่แม่ของแตงโมไม่อยากให้รื้อคดี นายปานเทพ กล่าวว่า แม่เป็นโจทก์ร่วมในฐานะโจทก์ร่วมในคดีหลัก ในสิ่งที่เรากระทำอยู่ในขณะนี้เราพูดถึงโจทย์หลัก คืออัยการ นายอัจฉริยะยื่นเรื่องไปยังอัยการสูงสุด พร้อมบอกว่า เรากำลังคุยกับอัยการสูงสุด ไม่ได้คุยกับคุณแม่ คุณแม่จะพอใจแค่ไหนก็เป็นสิทธิ์ของคุณแม่ เช่นเดียวกับการที่ตำรวจในคดีดังกล่าวฟ้องหมิ่นประมาทนายอัจฉริยะ แล้วศาลสั่งยกฟ้อง ศาลน่าจะมองเห็นเงื่อนงำบางอย่างในการสืบสวน ซึ่งเรื่องนี้เราไม่ยุ่งกับคุณแม่ เพราะฉะนั้นคุณแม่ก็ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรา

ด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มีหนังสือมาถึงตัวเองแล้วว่า ได้มอบหมายให้ดีเอสไอโดยพันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน นำโดยพันตำรวจตรีณฐพล ดิษยธรรม พร้อมคณะ มาทำคดีนี้ โดยได้มีการร่วมประชุมไปแล้วครั้งหนึ่ง และจะมีการนัดหมายสอบปากคำพยานหลักฐานใหม่ ทั้งตัวบุคคลและวัตถุพยานทั้งหมดในวันที่ 13-15 มกราคม 2568 และจะมีการจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในวันที่ 16 มกราคม 2568

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ผมเป็นวิศวกรใหม่ 32 ปี การตกเรือผิดปกติหลักกลศาสตร์ คือเรือผู้เดินหน้า คนตกท้ายจะไม่มีทางสัมพันธ์ถูกใบพัดเรือได้เลย ประกอบกับบาดแผลที่มีภาพสำคัญ เชื่อว่า ทุกคนอาจจะไม่รู้ เป็นภาพที่แตงโมคว่ำหน้า มือเหมือนถูกไขว้หลัง เป็นภาพที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ต่อหน้าสื่อมวลชน แต่ใช้เรื่องนี้พิสูจน์ทุกอย่างกันในศาลมาแล้วในคดีของแตงโมที่ศาลอาญา สิ่งที่ทำทั้งหมดคือพยานหลักฐานที่เคยปรากฏขึ้นจริงตามสื่อมวลชน แต่ไม่มีใครเรียบเรียง ไม่มีใครได้มีโอกาสขึ้นศาลในคดีหลักของแตงโมที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ในพยานหลักฐานใหม่ที่พบทั้งหมด เมื่อตำรวจฟ้องมาจึงหยิบทุกอย่างไปอยู่ที่ศาลอาญา ในคดีของตำรวจ 21 นายที่ได้ฟ้องร้องตัวเองมา และยังมีอีก 5 คดีที่ตำรวจได้ฟ้องร้องตัวเองมาที่เกี่ยวข้องกับคดีของแตงโม

สำหรับการจำลองเหตุการณ์ในวันที่ 16 มกราคม นี้ เชื่อว่า คนทั้งโลกจะได้เห็นของจริง เพราะไม่ได้จำลองเหมือนตำรวจที่นำแซนไปนั่งและหาผู้หญิงไปนั่งโดยที่เรือจอดนิ่ง เป็นปาหี่ รวมถึงการนำหมูมาทดลอง เพราะหมูตายแล้วไม่เหมือนคน อันนั้นคือคนปัญญาอ่อนทำ ผมก็ไม่เคยคิดว่าตำรวจไทยยุคนั้นจะเป็นยุคที่นำหมูมาจำลองแทนคนได้ แตงโมไม่ใช่หมู แตงโมเป็นบุคคลที่มีชีวิต การตกเรือของแตงโมไม่เหมือนหมู รวมถึงการนำตุ๊กตานุ่นไปทดลอง

"ปานเทพ-อัจฉริยะ" เตรียมจำลองเหตุการณ์แตงโม 16 ม.ค.นี้