คดีดิไอคอน ลุ้นคำสั่งอัยการพรุ่งนี้ หลังครบกำหนดฝากขัง 7 ผัด (84 วัน) ทนายวิฑูรย์ไม่พลาด เยี่ยมบอสพอลหารือแนวทางสู้คดี
วันที่ 7 ม.ค. 2567 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล และดิไอคอนกรุ๊ป เดินทางเข้ามาเยี่ยมบอสพอล และผู้ต้องหาดิไอคอน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยทนายวิฑูรย์ บอกว่า วันนี้เข้ามาพูดคุยเรื่องวันพรุ่งนี้ที่จะครบกำหนดฝากขัง 7 ผัด หรือ 84 วัน ว่าจะมีแนวทางอย่างไร อัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องคดีหรือไม่ ซึ่งจะหารือถึงกรณีหากสั่งฟ้องและสั่งไม่ฟ้อง รวมถึงแนวทางสู้คดีหลังขึ้นสู่ชั้นศาล ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าอัยการฯ จะฟ้องคดีหรือไม่ และจะฟ้องทันหรือไม่
ส่วนการเตรียมยื่นประกันตัวนั้น ทนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า ได้เข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางในการต่อสู้คดี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุดให้ขอสอบสวนพยานเพิ่มเติม แต่ไม่ทราบว่ามีการสั่งสอบเพิ่มหรือไม่
ซึ่งในวันพรุ่งนี้ หากอัยการมีคำสั่งฟ้องก็จะต้องเบิกตัว ผู้ต้องหา 18 คน จากเรือนจำ ไปศาลเพื่อนัดส่งฟ้องคดีเพื่อสอบว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ และนัดวันสอบคำให้การ ซึ่งขั้นตอนระหว่างนี้ ยืนยันจะไม่มีการยื่นขอประกันตัว เนื่องจากมีเงื่อนไขในชั้นสอบสวนที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลเกรงว่าจะหลบหนี และจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน แต่จะไปยื่นขอประกันตัวหลังศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คาดว่าอาจจะเป็นช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม โดยผู้ต้องหาทั้ง 18 คนยินดีที่จะถูกคุมขังต่อ แต่หากอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องก็จะถูกปล่อยตัว
ทนายวิฑูรย์ ยังให้สัมภาษณ์ กรณีที่ นายเคนโด้ ได้ไปยื่นร้องสภาทนายความให้สอบมรรยาททนายกับตนเองด้วยว่า ส่วนตัวก็งงว่าผิดมรรยาททนายข้อไหน เพราะถ้าเป็นข้อ 18 คือการผิดศีลธรรมอันดี ต้องไปก่ออาชญากรรม ทำเรื่องผิดกฎหมายถึงจะเข้าเงื่อนไขข้อนี้ แต่กับบริษัทดิไอคอน ตนเองทำหน้าที่ทนายความของบริษัทและบอสๆ ซึ่งเป็นลูกความ และตนเองก็ดูแลผลประโยชน์ลูกความมาโดยตลอด รวมถึงตนเองก็พูดคุยสื่อสารในห้องกับกลุ่มตัวแทนดิไอคอนกับผู้ที่ทำธุรกิจว่า ไม่ได้เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าคนที่แจ้งความได้รับสินค้าไปหรือยัง และถ้าได้สินค้าไป ขายได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่อย่างนั้นบริษัทขายส่งในประเทศไทยก็เป็นฉ้อโกงทั้งหมดหรือไม่
ทั้งนี้ ก็ขอบคุณคนที่ดำเนินคดีกับตนเอง เพราะก่อนหน้านี้ตนเองก็อยากรู้รายชื่อคนแจ้งความ เพื่อนำไปตรวจสอบว่าได้รับสินค้าไปหรือยัง หากได้รับสินค้าไปแล้วก็ถือว่าไปให้การเท็จและแจ้งความเท็จ
ดังนั้นการร้องเรียนตนเองให้ตรวจสอบมรรยาททนายความ จึงมองว่า เป็นการร้องเรียนโดยกลั่นแกล้ง ใช้สิทธิเกินส่วน และนายเคนโด้กับคนร้องเรียนก็ไม่ใช่ลูกความตนเอง เพราะลูกความตนเองอยู่ในเรือนจำ และตนเองไม่ได้ไปโกงลูกความ และไม่ได้ไปทำอะไรที่ผิดกฎหมาย การใช้สิทธิตามกฎหมายเป็นการใช้สิทธิตามปกตินิยม ไม่ใช่การข่มขู่ จึงมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งตนเอง และวันนี้ตนเองได้ตั้งเพื่อนเป็นทนายเพื่อสู้คดี จึงอยากบอกว่า ‘ทนายมีทนายแล้วนะ’ และพรุ่งนี้จะไปขอคัดเอกสารที่สภาทนายความเพื่อดำเนินคดีกับคนที่มาดำเนินคดีกับตนเอง
ส่วนที่นายเคนโด้อ้างว่า ทนายวิฑูรย์ไปให้ข่าวในลักษณะข่มขู่ทำให้เกิดการหวาดกลัว แล้วไปถอนแจ้งความนั้น ทนายวิฑูรย์ มองว่า ไม่เกี่ยวเพราะคนที่ไปถอนแจ้งความไม่ได้ถอนเพราะตนเองไปข่มขู่ว่าจะดำเนินคดี เขาไปถอนแจ้งความกันเอง ซึ่งข้อเท็จจริงคดีของดิไอคอนที่ตรวจสอบสำนวนคดี ถ้าไม่มีใครถอนแจ้งความก็มั่นใจว่ามีโอกาสชนะคดีค่อนข้างสูง และไม่ได้กังวลเรื่องจะมีคนถอนแจ้งความหรือไม่
ส่วนกรณีที่เคนโด้ จะแจ้งความกลับในข้อหา พรบ.คอมพิวเตอร์ หมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหาย 50 ล้าน กรณีนำข้อมูลส่วนตัวไปเผยแพร่นั้น ยืนยันว่า ตนเองพูดถึงนายเคนโด้แค่ 2 ครั้ง และหลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดถึงอีก เพราะไม่มีความจำเป็น และถ้าจะถามว่า หมิ่นประมาทหรือไม่ ตนเองก็มองว่า นายเคนโด้ก็เคยทำงานกับบริษัทดิไอคอนจริง มีสัญญาชัดเจนและบริษัทดิไอคอนทำธุรกิจโมเดลนี้ตลอดตั้งแต่เคนโด้อยู่ ถ้า 3 ดาราผิด เคนโด้ก็ต้องผิดด้วย
ส่วนเอกสารที่อ้างว่าไปลงในระบบคอมพิวเตอร์นั้น ตนเองไม่ทราบว่าหลุดไปได้อย่างไร เพราะเห็นเอกสารลงในช่องทางของสนธิทอล์ค และตนเองก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ไม่ทราบว่าได้ไปได้อย่างไร ส่วนเพจเหยื่อ ตนเองก็ไม่ทราบว่าไปได้ข้อมูลมาได้อย่างไร ดังนั้น จึงไม่ทราบว่า นายเคนโด้ดำเนินคดีข้อหา พ.ร.บ.คอมฯ ตนเองได้อย่างไร และถ้าจะดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท ตนเองมองว่า ถ้าทำงานกับบริษัทได้รับเงินไปแล้ว เป็นบริษัทที่จ่ายเงินตรงเวลาไม่ได้มีปัญหาอะไร ดังนั้นจะเสียหายอย่างไร
ส่วนที่จะดำเนินคดีกับบอสพอลนั้น ก็มองว่า จะดำเนินคดีได้อย่างไรในเมื่อบอสพอลอยู่ในเรือนจำ แล้วจะส่งข้อมูลให้คนอื่นได้อย่างไร ดังนั้นมองว่าถ้าจะฟ้องก็ต้องหาหลักฐานมาให้ได้ว่า ตนเองและบอสพอลเอาข้อมูลไปปล่อยอย่างไร
ส่วนกรณีที่ตั้งคำถามว่า ตนเองรับเงินเดือนอย่างไรนั้น ทนายวิฑูรย์ ระบุว่า เป็นความลับทางการค้า และตนเองรับเงินเดือนเอกชน ไม่ได้รับเงินภาษีประชาชน และตนเองพอมีเงินอยู่บ้างทำคดีนี้ได้สบายๆ ตนเองก็ยังไม่ได้เงินค่าทนาย และตนเองจ่ายเงินภาษีทุกปี เป็นทนายมานาน ทำมาหลายคดีซึ่งสามารถตรวจสอบได้
ทนายวิฑูรย์ ย้ำอีกว่า บริษัทดิไอคอน ไม่ได้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ได้ฉ้อโกงใคร คนซื้อสินค้าก็ได้สินค้าไปจริง