ทนายเกิดผล โพสต์เตือน อ.เบียร์ ฅนตื่นธรรม ต้องหาพยานหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหาถึงจะรอด เพราะศาลไทยไม่ได้ตัดสินจากพระไตรปิฎก ย้ำ ถึงพระพุทธเจ้าเป็นแบ็ก อาจารย์ก็ไม่รอดนะ

กลายเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ หลังจากทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เดินทางมาที่กองปราบปรามเพื่อแจ้งความเอาผิด อ.เบียร์ ฅนตื่นธรรม คดีหมิ่น "คณะสงฆ์ -มหาเถรสมาคม" จากการไลฟ์สดเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2567 โดยแจ้ง 3 ข้อหา คือ หมิ่นประมาท พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องให้พนักงานสอบสวนพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง นั้น


ล่าสุด (9 ม.ค. 2568) ที่เฟซบุ๊ก ทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ระบุว่า “อาจารย์เบียร์ชอบพูดว่า ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัย ไม่มีใครทำอาจารย์ได้ เพราะอาจารย์ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ผมอยากจะบอกกับอาจารย์เบียร์ว่า อาจารย์เบียร์อาจจะรู้จักกฎหมายไทยน้อยไปครับ ศาลไทยไม่ได้พิจารณาคดีจากพระไตรปิฎก แต่พิจารณาจากพยานหลักฐาน สิ่งที่อาจารย์ต้องเร่งขวนขวาย เมื่อถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด คือพยาน หลักฐาน ที่จะใช้ในการต่อสู้คดี การใช้ศีลธรรมกับวาทกรรมของพุทธวจน เมื่อใช้ในการต่อสู้คดีน่าจะไม่รอดอาจารย์ เคยได้ยินคำว่า ผู้บริสุทธิ์ติดคุก ก็มากมีไหมครับ


บ้านเราเป็นระบบกล่าวหาสามารถจับกุมก่อนที่เค้าจะหาหลักฐานได้ถ้าหาหลักฐานไม่ได้ก็ปล่อยตัวไป แต่คนเดือดร้อนคือคนที่ถูกจับ การใช้ความดีไม่เพียงพอต่อการต่อสู้คดีในศาลนะครับ อาจารย์ต้องมีทั้งทนายที่ดีมีฝีมือและต้องมีพยานหลักฐานในการต่อสู้


สิ่งที่อาจารย์ต้องเร่งหา ไม่ใช่การเดินสายออกรายการโทรทัศน์แต่คือการเร่งหาพยานหลักฐาน เช่น ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นเบื้องสูง โดยมีการนำคลิปตัดต่อไปใช้อ้างอิงอาจารย์ก็ต้องเร่งหาคลิปฉบับเต็มพร้อม ถอดถ้อยคำในคลิปไว้เป็นหลักฐานส่งมอบต่อพนักงานสอบสวน หรือร้องต่อพนักงานอัยการ อาจารย์จะพูด แต่เพียงว่ากูบริสุทธิ์ พระพุทธเจ้าเป็นแบ็กกู ไม่ได้นะครับ อาจารย์ไม่รอดนะ”