ล่าตัว "เฉิน" จีนปล้นจีน ฉกเงินคริปโต 5 ล้าน เผ่นหนีออกนอกประเทศ

วันที่ 10 ม.ค. 2568 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่สน.ห้วยขวาง พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง เปิดเผยความคืบหน้า ในคดีชาวจีนที่ถูกคนร้าย 3 คน ฉกเงินที่ นำเหรียญคริปโตมาแลกไปเมื่อวานนี้ (9 ม.ค. 68) มูลค่า 5 ล้านบาท และคดีที่ขาวจีนถูกโกงเหรียญคริปโตอีก 8 ล้านบาท ว่าคดีของเงิน 5 ล้าน ตอนนี้สอบปากคำพยานไปแล้ว 3 ราย คือ เจ้าของอาคารที่ให้เช่าในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 12 จุดเกิดเหตุ และพยานผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงสอบผู้เสียหายไปแล้ว 1 ปาก และได้ยึดเงินไว้เป็นของกลางในคดี นับเงินแล้วขาดแค่ 2,000 บาท โดยได้นับเงินต่อหน้าเจ้าของเงิน ส่วนรถอัลพาร์ด พฐ.ได้เข้ามาตรวจสอบแล้ว


โดยในวันนี้จะติดตามพยานที่เกี่ยวข้องในคดี 5 ล้านคือเจ้าของอาคารที่ตามไปยึดเงินได้ในย่านสาธรมาให้ข้อมูลกลุ่มคนจีนที่ยังไม่เจอตัว เพราะเชื่อว่าเจ้าของอาคารจะสามารถติดต่อกลุ่มคนจีนที่เป็นคนจีนที่ฉกเงิน 5 ล้านได้ และขณะนี้ตำรวจพิสูจน์ทราบผู้ก่อเหตุได้แล้ว 1 คน เป็นคนจีนที่เป็นเจ้าของรถอัลพาร์ด โดยให้ตม.ขึ้นแบล็กลิสต์ไว้แล้ว เหลือชาวจีนอีก 1 คน และคนไทยอีก 1 คนที่อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบ และขณะนี้ยังไม่ได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องหา เพียงแค่ได้เงินกลับคืนมาเท่านั้น

ผู้กำกับสน.ห้วยขวาง ยังอธิบายตัวละครด้วยว่า คดีเงิน 5 ล้าน ฝั่งรถอัลพาร์ดสีขาว คือฝั่งมาขายเหรียญมาด้วยกัน 3 คน ฝั่งผู้เสียหาย ที่ถือเงินมามากัน 2 คน ฝั่งขายเหรียญบอกว่า เขาโอนเหรียญแล้ว จากนั้นก็ฉกฉวยเงินที่อยู่บนโต๊ะระหว่างคุยกันหนีออกมา แต่ฝั่งผู้เสียหายยังไม่ได้เหรียญ เลยติดตามไปโดยทั้งสองฝั่งชาวจีน มีการดีลผ่านคนกลางคือ นายเฉิน เป็นชาวจีน ซึ่งนายเฉิน คนนี้ ก็เป็นคนเดียวกับคดีเงิน 8 ล้าน ที่เกิดในวันเดียวกันและเวลาใกล้เคียงกัน

ผู้กำกับสน.ห้วยขวาง ยังบอกอีกว่า พฤติการณ์ของนายเฉิน จะรู้ว่าใครมีความต้องการอยากซื้อขายเหรียญคริปโต ก็จะจับแพะชนแกะ และที่ผ่านมานายเฉินเคยดีล ให้ชาวจีนแลกเหรียญคริปโตแบบนี้มาแล้ว แต่เป็นลักษณะตกปลาเล็ก หลักแสนหลักล้านต้นๆ ทำมา3-4ครั้ง จนครั้งนี้ ทำเป็นครั้งที่ 5 ในการตกปลาใหญ่ มูลค่าเหรียญ 5 ล้าน เมื่อได้เหรียญไป นายเฉินก็แล้วขาดการติดต่อ ซึ่งนายเฉิน จะใช้วิธีการติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน ‘เทเลแกรม’ พอนายเฉิน ได้เหรียญคริปโตไปแล้วก็ลบเทเลแกรมทิ้งทันที เพื่อไม่ให้ติดตามได้

ซึ่งจากการพิสูจน์ทราบคดี 8 ล้าน และคดี 5 ล้าน นายเฉินคือคนกลางทั้งหมด ที่ตำรวจทราบว่าเป็นเฉินคนเดียวกัน ก็เพราะตำรวจได้นำรูปถ่ายที่เจ้าของเงิน 8 ล้านบาท เคยแอบถ่ายรูปเฉินไว้ที่ร้านกาแฟ ก่อนหน้านี้ที่เคยเจอกันและแลกเหรียญกันมาแล้ว นำภาพไปเช็กกับตม. พอได้ภาพชัดๆมาจาก ตม. ก็นำรูปนายเฉิน ไปให้ผู้เสียหายชาวจีน เจ้าของเงิน 5 ล้านดูเจ้าของเงิน 5 ล้านยืนยันว่า เป็นเฉินคนเดียวกัน

ขณะนี้จากการตรวจสอบพบว่า นายเฉิน ออกนอกประเทศไทยแล้วตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. ส่วนเหตุเกิดวันที่ 9 ม.ค. จึงเชื่อว่า นายเฉิน ติดต่อผ่าน แอพพิเคชั่น เทเลแกรม ในวันเกิดเหตุเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมาเจอกันโดยเจ้าตัวไม่ได้มาเอง และไม่ได้ให้ใครมาแทน

ส่วนภาพวงจรปิดที่สงสัยว่ารถคันสีส้มที่จอดอยู่หน้าอาคาร แล้วขับรถออกไปก่อนที่รถอัลพาร์ดจะขับออกไปนั้น จากการสอบปากคำ พบว่า ที่บ้านหลังนั้นเป็นบริษัทรับส่งสินค้าอยู่แล้ว และเจ้าของอาคาร รู้จักแค่ 1 คนที่เป็นเจ้าของเหรียญ เพราะเคยเป็นลูกค้าของบริษัท และนายเฉินจะใช้สถานที่อาคารแห่งนี้เป็นที่นัดหมายในการแลกเหรียญคริปโต

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามในเรื่องของ เจ้าของรถ และเจ้าของอาคาร ที่เขาตรวจค้นมาให้ปากคำ รวมถึงให้นำกุญแจรถมาเปิดเนื่องจากทรัพย์สินบางส่วนของผู้เสียหายยังคงอยู่ในรถ

ส่วนคดี 8 ล้าน มีการเชิญตัวทั้งสองฝ่ายมาสอบปากคำแล้ว คือเจ้าของเงิน และเจ้าของเหรียญ พร้อมนำเงินมา 8 ล้านมามอบคืนไว้ให้ แต่ตำรวจได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางในคดีก่อน เนื่องจากเคสนี้ ทางฝั่งเจ้าของเหรียญคริปโต ได้โอนเหรียญไปให้กับนายเฉินแล้ว ซึ่งใช้วิธีการสื่อสารกับเหยื่อผ่านทางเทเลแกรม ฝั่งเจ้าของเหรียญไปกัน 2 คน /ส่วนฝั่งเจ้าของเงินมากัน 4 คน ตนเองจึงได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวทั้งหมด มาสอบปากคำอย่างละเอียดแล้วในวันนี้

ทั้งนี้ตัวนายเฉิน จากการสอบสวน เบื้องต้นทราบว่า เฉินไม่ได้อยู่ที่ในที่เกิดเหตุ ทั้งคดี 8 ล้าน และคดี 5 ล้านแต่เคยมาปรากฏตัว เจอหน้ากับทางฝั่งผู้เสียหาย แต่ไม่ทุกครั้งที่มีการแลกเงิน อาจจะเคยเจอกันมาก่อน ครั้งสองครั้ง จนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะที่ผ่านมาในการแลกเงินแต่ละครั้งไม่เคยมีปัญหา และเฉินจะค่อนข้างระวังตัว

ส่วนเงินของกลุ่มคนจีนที่เอามาใช้ จะเป็นจีนเทาหรือไม่ พ.ต.อ.ประสพโชค บอกว่า จะต้องอยู่ระหว่างการสอบสวนที่มาที่ไปของเงิน และอยู่ระหว่างการขยายผลการตรวจสอบธุรกิจของกลุ่มชาวจีนนี้ด้วย

และขณะนี้ ทั้งคดีเงิน 5 ล้าน และคดีเงิน 8 ล้าน ตำรวจยังไม่ได้มีการออกหมายจับใคร เพราะอยากได้ข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อน โดยเฉพาะคดีเงิน 5 ล้าน ต้องการสอบปากคำฝั่งอัลพาร์ดมาประกอบสำนวน แต่หากยังมีพฤติการณ์หลบหนี ก็จะถูกดำเนินคดีเป็นคดีวิ่งราวทรัพย์ ส่วนฝั่งเงิน 8 ล้าน มีเหรียญคริปโตที่แล้วโอนเหรียญไปแล้ว และเงินยังอยู่ ไม่ได้ถูกฉกไป เท่ากับว่าก็จะเป็นผู้เสียหายได้ทั้งสองฝั่ง

ขณะเดียวกันทราบว่า พื้นที่สถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน มีผู้เสียหายชาวจีนที่ถูกก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน 4.5 ล้าน และมีคนกลางที่ชื่อว่าอาเฉินเช่นเดียวกัน แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นที่ได้นำรูปภาพไปให้กับผู้เสียหายในพื้นที่ดังกล่าวตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นคนละอา เฉิน แต่จะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมให้ชัดเจนอีกครั้ง