พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ส่งสำนวนคดีทนายตั้มกับพวกรวม 7 คน "ฉ้อโกง-ฟอกเงิน" ให้อัยการคดีพิเศษพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาล ก่อนครบฝากขัง 30 ม.ค.
วันที่ 17 ม.ค. 2568 มีรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด คณะพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำสรุปสำนวนคดีของมาดามอ้อยที่มีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และพวกเป็นผู้ต้องหา มาส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก โดยในจำนวนนี้มี 3 คดีที่เป็นคดีนอกราชอาณาจักร ได้แก่ เงินหลอกลงทุนแอปฯ หวย 71 ล้านบาท , เงินหลอกจ้างศิลปินจีน 39 ล้านบาท และรถเบนซ์ 1.5 ล้านบาท ซึ่งพนักงานอัยการจะต้องส่งต่อไปยังอัยการสูงสุดเพื่อทำคำสั่งคดี ส่วนอีกคดีคือคดีก่อสร้างโรงแรม ซึ่งเป็นคดีในราชอาณาจักร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษจะเป็นผู้ทำคำสั่งคดี
จากข้อมูลของตำรวจกองบังคับการปราบปรามที่รับผิดชอบคดี เปิดเผยว่า ในการส่งสำนวนในวันนี้นั้น ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมทั้ง 4 คดีที่เป็นคดีนอกราชอาณาจักรและในราชอาณาจักร รวมทั้งสิ้น 9,317 แผ่น ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกฝากขังในเรือนจำนั้น ไม่ต้องนำตัวมาส่งฟ้องเนื่องจากอยู่ในการควบคุมของศาลแล้ว เช่นเดียวกับดาว พี่สาวของภรรยาทนายตั้มที่ได้รับการประกันตัวในชั้นฝากขัง ก็ไม่ต้องนำตัวมาส่งฟ้อง เพราะถือว่าอยู่ในการควบคุมของศาลแล้วเช่นเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ คณะทำงานคดีนอกราชอาณาจักรร่วมระหว่างพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหาเพิ่มกับ 2 พนักงานโชว์รูมรถเบนซ์ในข้อหาทำเอกสารเท็จจากกรณีคดีรถเบนซ์ 1.5 ล้านบาท ซึ่งทางตำรวจเปิดเผยว่า ถือว่าเป็นผู้ต้องหาใหม่ จะต้องนำตัวมาส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการในวันนี้ด้วย
โดยทางพนักงานสอบสวนได้เดินทางมาส่งสำนวนด้วยรถตู้ 1 คัน พร้อมสำนวน 9,317 แผ่น ประกอบด้วยลังกระดาษ 4 ลัง มี พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ นามพุทธา ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เป็นผู้นำส่งสำนวน ส่วนฝั่งพนักงานอัยการผู้รับมอบ คือนายณัฐพงษ์ พุฒแก้ว รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ
พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ เปิดเผยว่า สำนวนที่ส่งกับพนักงานอัยการในวันนี้มี 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนของคดีนอกราชอาณาจักร ประกอบไปด้วย เรื่องเงินหลอกลงทุนแอปฯ หวย 71 ล้านบาท , เรื่องเงินหลอกจ้างศิลปินจีน 39 ล้านบาท และเรื่องรถเบนซ์ 1.5 ล้านบาท กับส่วนคดีในราชอาณาจักร คือเรื่องออกแบบก่อสร้างโรงแรม โดยทั้ง 4 เรื่องมีผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 7 ราย ซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกรายทุกข้อกล่าวหา ทั้งในเรื่องข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินที่ดำเนินคดีกับทนายตั้ม ภรรยา ดาวผู้พี่สาวภรรยาทนายตั้ม และนุ กับสา
นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหาใหม่ที่พนักงานสอบสวนแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 2 ราย ในส่วนคดีรถเบนซ์ 1.5 ล้านบาท โดยเป็นบุคคลที่ร่วมมือกับทนายตั้มในการปลอมแปลงเอกสารใบเสร็จรับเงิน โดยถูกดำเนินคดีในเรื่องทำเอกสารเท็จ ซึ่งผู้ต้องหาใหม่ทั้ง 2 ราย ต้องมารายงานตัวกับพนักงานอัยการด้วยในวันนี้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดาว พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ถือว่าอยู่ในการควบคุมของศาลเนื่องจากได้รับการประกันตัวในระหว่างฝากขัง จึงไม่จำเป็นต้องนำตัวมาส่งพนักงานอัยการในวันนี้
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเรื่องความคืบหน้าคดีพินัยกรรมมาดามอ้อยกับทนายตั้ม พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำความผิดตามที่แจ้งความร้องทุกข์ ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้อยู่ ส่วนจะต้องเรียกมาดามอ้อยมาสอบปากคำอีกหรือไม่ ยังไม่พิจารณาในเรื่องนี้
สำหรับประเด็นเรื่องการทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมนั้น ยังไม่มีหนังสือดังกล่าวจากผู้ต้องหา แต่จากการเข้าไปสอบปากคำทนายตั้มในเรือนจำ ทนายตั้มยังคงต้องการให้ทางพนักงานสอบสวนทำตามขั้นตอนตามกฎหมายปกติ
ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้จะส่งมอบสำนวนให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นผู้รับผิดชอบพิจารณาเบื้องต้น ซึ่งในสำนวนคดีนอกราชอาณาจักร จะส่งกราบเรียนต่อไปยังอัยการสูงสุด ส่วนคดีในราชอาณาจักร พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษสามารถมีคำสั่งได้เลย โดยจะเร่งดำเนินการพิจารณาสำนวนคดีให้แล้วเสร็จก่อนครบผัดฝากขังผู้ต้องหา คือวันที่ 30 มกราคม
ทั้งนี้มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้คณะทำงานสอบสวนคดีนอกราชอาณาจักรร่วมกันระหว่างพนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับนุและสา สองสามีภรรยาจากคดีเรื่องเงินหลอกจากศิลปินจีน 39 ล้านบาท ในข้อหาแจ้งความเท็จกับเจ้าพนักงาน จากกรณีที่ไปแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ส่วนผู้ต้องหาใหม่อีก 2 รายที่ถูกแจ้งข้อหาทำเอกสารปลอมในกรณีรถเบนซ์ 1.5 ล้านบาทนั้น มีรายงานว่า ทั้งสองคนเป็นพนักงานโชว์รูมรถเบนซ์