ผู้เสียหายรวมตัวร้อง หลังถูกสาวแสบวัย 26 หลอกลงทุน อ้างมีโควตาหวยจากกองสลาก เมื่อเหยื่อโอนเงินไปแล้วกลับไม่ได้รับสินค้า รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท อึ้ง! ค้นโทรศัพท์ พบเล่นพนันออนไลน์ วันละเกือบล้านบาท

วันที่ 21 ม.ค. 2568 ผู้เสียหาย 6 คน นำหลักฐานการโอนเงิน ซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาล กับแม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายใหญ่ ย่านบางแค เป็นหลักฐานเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกหลอกให้ซื้อโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่กลับไม่ได้รับสินค้า รวมมูลค่าความเสียหาย 100 ล้านบาท

นางวัญใจ แม่ค้าอาหารทะเล เปิดเผยว่า รู้จักกับนางสาวเขมจิรา หรือ ปอน ซึ่งเป็นแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ย่านบางแค และเป็นหลานสาวของเพื่อนสนิท มาเสนอขายโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล ใบละ 77 บาท จึงหลงเชื่อและตัดสินใจซื้อ

 

 

โดยเริ่มซื้อขายครั้งแรกช่วงเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา ก็ได้รับสินค้าตามที่ตกลง กระทั่งเดือนตุลาคม ได้สั่งซื้อ สลากกินแบ่งรัฐบาลไปทั้งหมด 3 ครั้ง จำนวน 50,100 ใบ รวมเป็นเงินทั้งหมด 6,685,000 บาท และเมื่อถึงเวลานัดหมายรับสินค้าในวันที่ 5 ธันวาคม นางสาวเขมจิรา กลับอ้างว่าถูกเพื่อนโกง ทำให้สลากกินแบ่งรัฐบาลไม่สามารถนำออกมาขายได้ ส่วนเงินที่จ่ายก็ยังอยู่ในระบบของกองสลากและต้องรอให้เจ้าหน้าที่กองสลากดำเนินการตรวจสอบก่อนแต่หากต้องการนำสลากกินแบ่งรัฐบาลออกมาจากระบบต้องจ่ายเงิน เพิ่มอีก 750,000 บาท เพื่อเป็นค่าดำเนินการ โดยมีเงิน15 ล้านบาทเป็นค่าประกัน ที่จะคืนให้หากไม่ได้รับสินค้า

กระทั่งวันที่ 20 มกราคาที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันนัดหมาย แต่กลับไม่ได้รับสินค้าและไม่สามารถติดต่อนางสาวเข็มจิราได้ จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน. บางเขนไว้เป็นหลักฐาน และได้ไปหานางสาวเขมจิรา ที่บ้านพักย่านบางแค เพื่อเจรจา โดย นางสาวเข็มจิราอ้างว่าขอให้รอเพราะยังมีเงินอีก 30 ล้านบาท อยู่ในระบบของกองสลาก แต่ตัวเองไม่เชื่อ และยืนยันจะดำเนินคดี

นางอรวรรณ ผู้เสียหายอีกหนึ่งคน เปิดเผยว่า เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกนางสาวเข็มจิราหลอกให้ลงทุนในลักษณะเดียวกัน เสียหายรวม 41 ล้านบาท

 

 

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า แผนประทุษกรรมของผู้ก่อเหตุพบว่ามีลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่รูปแบบหนึ่งที่หลอกลวงให้ผู้เสียหายไปลงทุนแต่กลับไม่มีสินค้าอยู่จริง โดยพบข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุได้นำเงินที่หลอกลงทุนไปเล่นเว็บพนันออนไลน์ โดยมีการโอนเงินเข้าบัญชีของเว็บพนันจำนวนหลักแสนถึงหลักล้านบาทต่อวัน และคดีนี้เนื่องจากเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนผู้เสียหายสามารถเข้าได้ทุกท้องที่