อ.ปานเทพ-อัจฉริยะ-อ.หมอธวัชชัย แถลงสวน "ทนายตุ๋ย" ยันทีมจำลองไม่ได้ละเมิด ลั่นเป็นนักกฎหมายต้องแม่นยำ

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต , นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และพันเอกนายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ “อาจารย์หมอธวัชชัย” อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ร่วมกันตั้งโต๊ะแถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าคดีละเมิดอำนาจศาลกรณีการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของนางสาวนิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ “แตงโม“ ที่บ้านพระอาทิตย์

อาจารย์ปานเทพ บอกว่า คดีนี้มีที่มาจากการที่นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือ “ทนายตุ๋ย” ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ “แซน” หนึ่งในผู้ที่อยู่บนเรือสปีดโบ๊ตในคืนที่แตงโมพลัดตกจากเรือและเสียชีวิต ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ขอให้มีการไต่สวนการละเมิดอำนาจศาลใน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.กรณีการจำลองเหตุการณ์การตกเรือของแตงโม ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ , อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, พันเอกนายธวัชชัย กาญจนรินทร์ และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล โดยทนายตุ๋ยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา 2.กรณีคำให้สัมภาษณ์ของนักอาชญาวิทยารายหนึ่ง ที่กล่าวในทำนองว่า ได้ไปให้การในคดีแตงโมที่ศาล แต่กลับเห็นว่าศาลมีท่าทีนั่งหัวเราะ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดอำนาจศาล

อาจารย์ปานเทพ ยังบอกอีกว่า กรณีที่นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือ “ทนายตุ๋ย” ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้พิจารณาการละเมิดอำนาจศาล โดยระบุว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้ทนายตุ๋ยได้ประกาศผ่านสื่อโซเชียลแล้ว ว่าจะดำเนินการดังกล่าว โดยมีเป้าหมายที่พยานผู้เชี่ยวชาญ ผู้จัดจำลองเหตุการณ์ รวมถึงสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ เพจข่าว ผู้ประกาศข่าว และผู้รายงานข่าว พร้อมระบุว่า “งานนี้มีคนติดคุกแน่”

อาจารย์ปานเทพ บอกอีกว่า ตัวเองเคยโพสต์เตือนไว้แล้ว เพราะแม้ทนายตุ๋ยจะไม่มีประวัติด่างพร้อย แต่คำประกาศดังกล่าวส่งผลให้สื่อมวลชนเกิดความกังวล หลายช่องเลือกที่จะไม่รายงานข่าวนี้ต่อ เพราะกลัวจะเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่า บทบาทของสื่อมวลชนเป็นกลไกสำคัญในการนำเสนอข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ และเป็นสิทธิที่ต้องได้รับการคุ้มครอง

โดยตัวเองเคยโพสต์ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมว่าให้รอดูว่าทนายตุ๋ยจะฟ้องสำเร็จหรือไม่ เพราะหากสำเร็จ นั่นหมายความว่าเราถูกปิดปาก แต่หากไม่สำเร็จ ก็ต้องจับตาดูว่าผลกระทบจะเป็นอย่างไร ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเราทราบดีว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้เป็นการละเมิดอำนาจศาล

และเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ทนายตุ๋ยได้ยื่นคำร้องตามที่เคยประกาศไว้ ซึ่งอาจารย์ปานเทพระบุว่า ตัวเองได้รับทราบเรื่องนี้จากสื่อมวลชน แต่ไม่ได้อยู่ในกระบวนการพิจารณาคดีโดยตรง อย่างไรก็ตามคำให้สัมภาษณ์ของทนายตุ๋ยภายหลังการยื่นคำร้องกลับสร้างความคลุมเครือ ทำให้สื่อบางแห่งสับสนว่าจะสามารถทำข่าวนี้ต่อไปได้หรือไม่

อาจารย์ปานเทพ ยังกล่าวสรุปผลว่า ศาลได้รับคำร้องของทนายตุ๋ยแล้วพิจารณาแล้ว และเห็นว่าทั้งพวกเราและสื่อมวลชนไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล ศาลจึงไม่มีการไต่สวนพวกเรา นี่คือประเด็นสำคัญที่สุด แต่ทนายตุ๋ยกลับให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่ไม่ชัดเจน ทำให้สื่อบางแห่งเข้าใจผิด

อาจารย์ปานเทพ ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ทนายตุ๋ยไม่ได้เป็นผู้เสียหายในคดีละเมิดอำนาจศาล ดังนั้น การยื่นคำร้องที่ถูกต้องจะต้องดำเนินการโดย ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ไม่ใช่ทนายตุ๋ยเป็นผู้กล่าวหาเอง และเมื่อยื่นแล้ว ศาลก็ไม่ได้รับไต่สวน ซึ่งสะท้อนว่ากระบวนการนี้ไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น

อาจารย์ปานเทพ จึงขอเตือนทนายตุ๋ยว่า ทุกเรื่องต้องมีต้นทุนที่ต้องแลก ทนายตุ๋ยต้องถูกตรวจสอบจากสังคมว่าสิ่งที่เขาทำเป็นไปเพื่อแสวงหาความจริง หรือเป็นความพยายามปิดปากสื่อ หากเขาทำไม่สำเร็จ สังคมก็ต้องตั้งคำถามถึงความแม่นยำทางกฎหมายของเขาว่ามีมากน้อยเพียงใด

และอาจารย์ปานเทพ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า เขาอยากให้สื่อมวลชนทุกคน “เลิกกลัวคำขู่จากทนายตุ๋ย” เพราะการนำเสนอข่าวเป็นสิทธิที่ต้องได้รับการคุ้มครอง

เสียดายเมื่อวานไม่ได้ฝาก "เข็ม-เชือก" ไปให้ ทนายตุ๋ย
ขณะที่นายอัจฉริยะ ระบุว่า กรณีการยื่นเรื่องคำร้องละเมิดอำนาจ ความจริงแล้วจะต้องยื่นผ่านผู้อำนวยการศาลเท่านั้น ทนายตุ๋ยไม่มีสิทธิยื่นต่อศาลโดยตรง เพราะคดีนี้เป็นเรื่องระหว่างศาลและผู้ที่กระทำผิด โดยในส่วนของนักกฎหมายที่ไปยื่นแบบนี้ ถือว่า “หน้าแตก” เมื่อวานก็ไม่ได้เตรียมเข็มและเชือกไปให้ เพราะอยากจะไปเย็บหน้าให้

โดยส่วนตัวรู้จักทนายตุ๋ยจากที่สำนักกฎหมายแห่งหนึ่งมามากกว่า 10 ปีแล้ว และตัวเองเคยเตือนอยู่ตลอดว่า “ความไม่แม่นยำ จะนำไปสู่หายนะ” เพราะการไปยื่นเรื่องโดยที่ตัวเองไม่มีอำนาจ มันไม่ถูกต้อง และตามหลักแล้วศาลจะรับฟังคำฟ้องของอัยการจังหวัดนนทบุรีเท่านั้น หลักฐานใดๆ ก็ตามที่อยู่นอกเหนือจากศาล ตามหลักท่านไม่รับพิจารณา จึงมองว่าเป็นการยื่นผิดขั้นตอนที่ไปยื่นต่อศาลโดยตรง ส่วนการจำลองเหตุการณ์ในคดีแตงโม ยืนยันว่าเราได้ใช้คำพิพากษาของศาลอาญาเป็นตัวตั้ง

ในส่วนการยื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในการแก้ไขคำฟ้องและกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้มีการสืบสวนการบิดเบือนคดีแตงโม ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ คนบนเรือ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ และมีการเอื้อประโยชน์ให้ใครหรือไม่ ยืนยันเราทำ เราไม่มีการบิดเบือน ไม่มีการใส่ความหรือสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา เพราะเราทำตามสิทธิของภาคประชาชน ทำตามกรอบของกฎหมาย

ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์หน้า ตัวเองจะมีมาตรการโต้กลับ ในฐานะผู้ถูกร้อง โดยตัวเองจะไปยื่นร้องมรรยาททนายตุ๋ยที่สภาทนายความตามมาตรา 9 ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “ไม่มีคดีความเกิดขึ้นจริง เป็นการยุยง ส่งเสริมให้มีคดีความ”

เจ็บจากแม่แตงโมเยอะ ไม่ขอร่วมทำคดี
อย่างไรก็ตามหลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้นแล้ว ในช่วงเวลา 11.30 น. นายอัจฉริยะ จะเดินทางไปที่ดีเอสไอ โดยจะพาพยานไปสอบปากคำประเด็นเส้นทางการเดินเรือทั้งหมดและข้อพิรุธที่จะสามารถยืนยันได้ว่ามีการสร้างหลักฐานเท็จโดยเจ้าหน้าที่รัฐและคนบนเรือ

เบื้องต้นในฐานะที่เป็นคนรับผิดชอบการประสานงานการทำงานของดีเอสไอ ตอนนี้คดีเริ่มมีความคืบหน้า ทั้งเรื่องการสอบพยานที่ไม่ต่ำกว่า 30 ปาก ไม่ว่าจะเป็นคุณหนุ่ม กรรชัย , คุณไทด์และบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ รวมไปถึงคุณเต้ มงคลกิตต์ ก็จะเริ่มสอบปากคำไปเรื่อยๆ แต่ไฮไลท์จะอยู่วันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ที่เรากำลังหารือกันอยู่ ก็จะมีชุดสืบสวนเดินทางไปต่างประเทศคุยเรื่องของดาวเทียมต่างๆ ที่เราจะต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งมีหน่วยงานต่างๆ มีความประสงค์เข้าร่วม ยืนยันว่าเป็นการทำแบบโปร่งใส ตรวจสอบได้

ส่วนเรื่องของคุณแม่แตงโม เราไม่เอาแม่ เพราะไม่อยากให้แม่มากินรวบตอนจบ สุดท้ายจะมาเรียกเงิน เราไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน เราต้องการพิสูจน์ความยุติธรรมให้แตงโม

ด้าน “อาจารย์หมอธวัชชัย” บอกว่า ตัวเองไม่รู้กฎหมาย แต่ขอฝากข้อความถึงคนที่ช่วยคนบนเรือ อย่าได้ช่วยสนับสนุนการโกหก สิ่งที่เราเปิด 30 เปอร์เซ็นต์ ยังมีอีก 70 เปอร์เซ็นต์

แถลงสวน "ทนายตุ๋ย" ยันทีมจำลองไม่ได้ละเมิด ลั่นเป็นนักกฎหมายต้องแม่นยำ