เปิดคลิปเสียง EP.02 ตำรวจ สภ.คลองหลวง ชี้ช่องรอด พ่อแก๊งโอริโอ้ "กัน จอมพลัง" ซัดหนัก
นายอธิริศร์ เตชะสินนิวัฒน์ ในฐานะตัวแทนทีมงานกัน จอมพลัง เปิดเผยว่า วันนี้ตนนำหลักฐานซึ่งเป็นคลิปเสียงสนทนาระหว่างครอบครัวของผู้ต้องหาและนายตำรวจสังกัด สภ. คลองหลวง ยศร้อยตำรวจโท เจรจาหาทางออก ช่วยเหลือทางด้านคดี มีการกล่าวหานักข่าว และกัน จอมพลังว่าพยายามทำให้เรื่องนี้เป็นกระแสเป็นที่พูดถึงในสังคม ทั้งที่ความจริงไม่ได้รุนแรงอะไรขนาดนั้น
สำหรับคลิปเสียงวันนี้มีทั้งหมด 2 ไฟล์ ซึ่งคลิปที่ 1 เป็นคลิปเสียงของ ร้อยตำรวจเอก สภ.คลองหลวง พูดคุยกับผู้ปกครองของ หนึ่งในแก๊งโอริโอ้ ให้คำแนะนำในเรื่องของคดี
ส่วนคลิปที่ 2 เป็นคลิปเสียงของตำรวจคลองหลวง ยศร้อยตำรวจโท มีการโทรไปพูดคุยกับผู้ปกครองของนายวิน ผู้ต้องหา หนึ่งในแก๊งโอริโอ้
ด้าน พันตำรวจเอก เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผู้กำกับการ สภ.คลองหลวง เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับคลิปเสียงมาเมื่อวานนี้ ก็ได้มีการคณะตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาในทันที ซึ่งพบว่ามีนายตำรวจ 2 คน ยศร้อยตำรวจเอก และร้อยตำรวจโท สังกัด สภ.คลองหลวง ซึ่งตนได้มีการเรียกทั้งสองคนมาสอบถามในเบื้องต้นแล้ว โดยทั้งหมดทั้งสองนายอ้างว่ารู้จักกับผู้ปกครองของสมาชิกแก๊งโอริโอ้ จึงได้ให้คำแนะนำไปเท่านั้น และไม่ได้มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด ซึ่งทันทีที่ตนรู้ ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาไปทำแบบนั้น เพราะพฤติกรรมดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากตำรวจที่ให้คำแนะนำอยู่ในพื้นที่ที่เกิดคดีความ แต่ก็ไม่อยากตัดสินขอให้เป็นความเห็นของคณะกรรมการฯ ทั้งเรื่องวินัยและอาญา
ส่วนกรณีที่มีสายปริศนาโทรมาหาพนักงานสอบสวนในคดีนี้ พร้อมกับอ้างว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนนายร้อยตำรวจกับตน ตนได้มีการสอบถามพนักงานสอบสวนแล้ว ก็บอกว่า สายปริศนาอยากให้ช่วยดูแลคดีนี้ แต่ตนก็ยังไม่ได้ตรวจสอบว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของตนจริงหรือไม่
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ผู้ใต้บังคับบัญชาพยายามจะดิสเครดิตตน ผู้กำกับการ สภ.คลองหลวง บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติที่การทำงานอาจจะมีการเข้าใจผิดกันภายในองค์กร ตนไม่รู้เจตนาว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะดิสเครดิตตนจริงหรือไม่ แต่ตนไม่มีความกังวลกับเรื่องนี้ และต่อให้สมาชิกแก๊งโอริโอ้จะวิ่งเต้นกับนายตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่ให้ช่วยเหลือคดีตามที่เป็นกระแสข่าวจริง ตนก็จะทำคดีอย่างตรงไปตรงมา
สงสัย มีเจ้าหน้าที่รัฐฯ อยู่เบื้องหลังหรือไม่
ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น. ทีมงานกัน จอมพลัง พร้อมด้วยทนายโรส อังศวีร์ อนุวัตน์รุจิกร พาเด็กชายอายุ 14 ปี ผู้เสียหายเปิดเผยต่อสื่อมวลชน โดยเด็กชายเล่าว่า สมาชิกของแก๊งโอริโอ้มายืมเงินรุ่นพี่ของตน 5,000 บาท เมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก่อนจะมีทักทวงถามขอคืนเงินแต่ไม่ได้เงินคืน ถัดมาอีกประมาณ 1-2 เดือน เพื่อนของตนก็ไปเห็นในเฟซบุ๊กของนายเมล หรือแม้ว หนึ่งในสมาชิกแก๊งโอริโอ้ มีการโพสต์ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของตนเอง ลงในสตอรี่ พร้อมกับข้อความข่มขู่ ทำให้ตนมีความกังวลในการใช้ชีวิต กลัวที่จะถูกทำมาตลอดเวลา และสงสัยว่าข้อมูลส่วนบุคคลหลุดไปได้อย่างไร ซึ่งคาดว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลอื่นให้ความช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง
ก่อนหน้านี้ ตนไม่กล้าเข้าไปแจ้งความ และไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะกลัวจะถูกทำร้าย แต่พอเห็นว่าเป็นกระแสเริ่มมีผู้เสียหายคนอื่นทยอยเข้าแจ้งความ จึงตัดสินใจปรึกษาครอบครัวและมาแจ้งความที่ สน.ร่มเกล้า ในวันนี้
ด้านทนายโรส เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ ถูกต้องแค่ชื่อและนามสกุลของผู้เสียหายเท่านั้น ส่วนที่อยู่ เลขบัตรประชาชน รวมทั้งชื่อบิดามารดา ไม่ตรงกับข้อมูลจริงของผู้เสียหาย ซึ่งเรื่องนี้จะต้องให้ตำรวจมีการตรวจสอบว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสารหรือไม่ โดยในวันพรุ่งนี้จะพาผู้เสียหายไปตรวจสอบ หลักฐานที่สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง และจะเปิดหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งเป็นแช็ตการสนทนาซื้อขายข้อมูลทะเบียนราษฎร์
หลังจากเข้าตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร์ทางด้าน พ.ต.อ.สมโภช ทองมูล ผกก.สน.ร่มเกล้า ระบุว่า เบื้องต้นเชื่อว่าเอกสารดังกล่าวเป็นการตัดต่อ เพราะตัวหนังสือไม่เหมือนเอกสารทั่วไปที่ใช้ และข้อมูลที่ถูกต้องมีเพียงชื่อของผู้เสียหายเพียงเท่านั้น ข้อมูลอื่นๆเป็นการทำขึ้นมา และการกระทำดังกล่าวในการเอาข้อมูลส่วนบุคคลไปโพสต์ลงในสตอรี่ เฟซบุ๊ก ไม่ได้รับการยินยอมจากตัวบุคคลและผู้ปกครอง จึงมีความผิดตามพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) 2562 จำคุกไม่เกิน 1 ปีปรับไม่เกิน 1 ล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดในส่วนของการปลอมแปลงเอกสารด้วย ในวันเสาร์นี้จะมีการนัดผู้ปกครองและตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดต่อไป