"อัจฉริยะ" เผยข้อมูลเด็ดในมือถือ แตงโม พบ นักการเมือง-คนดัง โทรหาเพียบ ซัด "เต้ มงคลกิตติ์" ทำให้คดีเสียหาย
วันที่ 5 ก.พ. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางไปที่สำนักงานการสอบสวนสำนักงานอัยการสูงสุด ตลิ่งชั่น เพื่อเข้าพบคณะกรรมการตรวจสอบวินัยตามคำสั่งอัยการสูงสุด ขอให้ตั้งกรรมการสอบวินัย นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ที่เคยไปออกรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของ นางสาว ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ว่าไม่สามารถรื้อคดีได้ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นความจริงโดยหลักของกฎหมาย คือกลับไปออกรายการดังกล่าว ไปในเวลาราชการ และได้ค่าตอบแทน มีการขออนุญาตจากอัยการสูงสุดหรือไม่ โดยได้ยื่นหลักฐาน และให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการดังกล่าว
นายอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีแตงโมว่า ในเวลา 01.00 น. ของวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะไปรับโทรศัพท์มือถือของแตงโม ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยพันเอก นายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์ จะเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา นำโทรศัพท์จากบังแจ็ค ให้ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ หลังจากที่ส่งโทรศัพท์ไปกู้ข้อมูลเนื่องจากพบว่ามีข้อมูลบางอย่างถูกลบออกไป และสามารถกู้คืนมาได้
โดยยืนยันว่ามีหลักฐานสำคัญที่สามารถกู้มาได้ เป็นภาพของแตงโมในช่วงก่อนเกิดเหตุ และข้อมูลการใช้โทรศัพท์ที่มีใครบ้าง ที่โทรศัพท์หาก่อนเกิดเหตุ ซึ่งในนั้นมี นางสาวอิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก อดีตผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทรศัพท์ไปหาแตงโมในวันเกิดเหตุเวลา 20:40 น. ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่แตงโมจะเสียชีวิตตามรายงานในสำนวนของตำรวจ จึงทำให้สงสัยว่าช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ด้วยกันแท้ ๆ ทำไมจึงต้องโทรศัพท์หากัน นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองดังเคยแชตไปขอภาพลับของแตงโมด้วย แต่นักการเมืองคนดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์การเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งข้อมูลดังกล่าวนั้นได้มีการสำรองข้อมูลไว้ 2 ชุดแล้ว เพื่อป้องกันหากมีการแทรกแซงของเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังมีความเห็นกรณีที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับคดีของแตงโมว่า ตนเองพยายามพิสูจน์ความจริงมานาน 3 ปี แต่ทำไมนายมงคลกิตติ์จึงเพิ่งจะมาแสดงความเห็นตอนนี้ ทั้งที่ในช่วงหลังจากเกิดเหตุใหม่ ๆ นั้นก็เหมือนจะยื่นมือมาช่วยกันคลี่คลายคดี แต่กลับมีปัญหาตอนที่ตนไปฟ้อง 5 คนบนเรือ ในข้อหาฆาตกรรมอำพราง โดยตนได้รับมอบอำนาจจากแม่แตงโมตามกฎหมาย แต่ปรากฏว่าในวันเดียวกันหลังจากที่ตนไปฟ้องร้อง เต้ กลับโทรศัพท์มาหาตนพร้อมจั่วอย่างหนัก และยังมีการยุยงให้คุณแม่ถอนฟ้อง
นอกจากนี้ยัง ร่วมมือกับสส.ท่านหนึ่งในการนำชื่อของตนไปแอบอ้างเรียกเงินจากชาวจีน 1.2 ล้านบาท
ทั้งนี้ตนเพิ่งเห็นว่าเมื่อไม่นานมานี้ เต้มีหลักฐานใหม่เป็นกล้องวงจรปิดที่ได้มาจากกรมทางหลวงชนบท ซึ่งตนได้เห็นกล้องจากใต้สะพานซังฮี้แล้ว เป็นกล้องวงจรปิดตัวเดียวกันที่เคยเอามามอบให้ตำรวจแล้ว โดยเป็นหลักฐานที่บอกว่ามีคนบนเรือ 5 คน ซึ่งไม่ใช่หลักฐานใหม่อะไร ที่ผ่านมาตนได้ขอกล้องวงจรปิดจากเต้ แต่ถูกปฏิเสธไม่ยอมให้
ต่อมาตนได้พูดคุยกับหมอธวัชชัย และได้โทรหาบังแจ็ค โดยเต้บอกว่า อย่าเอามาให้ตนเพราะตนจะเอาไปเรียกเงิน ทั้งนี้ยังมีคลิปเสียงระหว่างบังแจ๊คกับเต้คุยกันเรื่องนี้เป็นหลักฐานด้วย
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีมติร่วมกับอาสนธิ ว่าจะไม่ให้ เต้ เข้าบ้านพระอาทิตย์