ศาลอาญายกฟ้อง "อดีต สว.อุปกิต" ฟ้องหมิ่นประมาท "อัจฉริยะ" ไลฟ์สด สว.ทรงเอ เอี่ยวยาเสพติด-บ่อนพนันออนไลน์ ชี้ ติชมโดยสุจริต สว. เป็นบุคคลสาธารณะ ต้องตรวจสอบได้

วันที่ 11 ก.พ. 2568 มีรายงานว่า ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.1742 /2566 ที่นายอุปกิต อดีต สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นโจทก์ฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท ซึ่งวันนี้ทนายโจทก์และจำเลยมาศาล

โจทก์ฟ้องระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 จำเลยใช้บัญชียูทูปช่อง โคนัน เมืองไทย มีผู้ติดตามจำนวน 1.88 แสน มีผู้เข้าดู ถึง 43,155 คน โดยจำเลยได้ไลฟ์สดใช้หัวข้อเรื่อง "เปิดโปงขบวนการค้ายาเสพติด" หมิ่นประมาทใส่ความด้อยค่าโจทก์ ด้วยถ้อยคำว่า มีทั้งอดีต ผบ.ทบ. ที่ในอดีตซึ่งเป็นแบ็กอัปในการเปิดพนันออนไลน์ด้วยกัน หรือเปิดบ่อนพนันด้วยกันในท่าขี้เหล็ก รวมทั้งในอดีต ผบ.ตร.คนนี้ ก็ไม่ธรรมดาอยู่เบื้องหลังสายการเมืองเป็นเพื่อนสนิทกับอดีต ผบ.ตร. อักษรย่อ ส. ที่ให้การสนับสนุน สว.ทรงเอ เป็นอย่างดี ทำให้ประชาชนหรือผู้ชมรับทราบได้ทันทีว่าเป็นโจทก์และถ้อยคำอื่น ๆ การกระทำของจำเลยเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามด้วยการโฆษณา โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

ศาลวิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวในไลฟ์สด มีพยานหลักฐานเพียงพอ ซึ่งทาง ปปง. ได้มีการอายัดทรัพย์และอัยการได้ยื่นฟ้องโจทก์หลังจากนั้น อย่างไรก็ตามโจทก์เคยเบิกความในคดีอื่นว่าเคยเป็นเจ้าของโรงแรมบ่อนการพนันเครือ "อัลลัวร์กรุ๊ป" (Allure Group) ก่อนจะขายหุ้นให้บุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับทุนมินหลัด ดังนั้นที่จำเลยกล่าวถึงโจทก์จึงเป็นเรื่องที่มีมูลเกิดขึ้นจริง เป็นการตั้งข้อสังเกตถึงคนที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นตำแหน่งทรงเกียรติเป็นบุคคลสำคัญ บุคคลสาธารณะประชาชนทั่วไปสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ จำเลยซึ่งเป็นประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ทำหน้าที่ตรวจสอบบุคคลสาธารณะ เห็นว่าการกระทำของจำเลยติชมโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง เมื่อการกระทำไม่เป็นความผิดจึงไม่จำเป็นต้องชดใช้ค่าสินไหมตามที่โจทย์เรียก พิพากษายกฟ้อง และยกคำขอให้ชดใช้ค่าสินไหม


นายอัจฉริยะ กล่าวถายหลังศาลยกฟ้องว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณศาลที่ยกฟ้อง ในส่วนคดีที่ สว.อุปกิต ฟ้องตนเองมานั้น มี 2 สำนวน และยกฟ้องไปแล้ว 2 สำนวน ซึ่งตนเองยืนยันว่าสิ่งที่วิพากษ์วิจารณ์ เป็นการตรวจสอบและติชมโดยสุจริต