เจ้าอาวาสลิ้นแซ่บรับแล้ว ภาพถ่ายคู่สีกาในห้องพักรีสอร์ตของจริงเมื่อ 3 ปีก่อน ยอมสึกใน 7 วัน

วันที่ 13 ก.พ. 2568 จากกรณีเพจ Facebook ชื่อ อีซ้อขยี้ข่าว โพสต์ภาพชายหญิงคู่หนึ่ง พร้อมกับภาพพระสงฆ์มีสีกานั่งอยู่พื้น ซึ่งระบุว่าเป็นคนเดียวกัน พร้อมข้อความระบุว่า "เจ้าอาวาสวัดนึงใน จ.ขอนแก่น กลางวันอยู่วัด กลางคืนควงสาวเข้ารีสอร์ท" ซึ่งต่อมา ฝ่ายปกครองได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ แต่เจ้าอาวาสเดินทางออกจากวัดไปตั้งแต่กลางดึกวันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา และบอกกับไวยาวัจกรว่า เป็นภาพตัดต่อเตรียมจะฟ้องมือดีที่เผยแพร่ภาพจนทำให้เสียหาย

ล่าสุด เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (13 ก.พ.) ภายหลังจากพระรูปดังกล่าว ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน ต.บ้านลาน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เดินทางเข้าพบกับทางคณะสงฆ์ภายในห้องประชุม วัดศรีบุญเรือง ชุมชนศรีบุญเรือง โดยมีพระครูปริยัติสารวิสุทธิ์ จันทร์เรือง เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรืองและเจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ รวมทั้งเจ้าคณะตำบล พร้อมด้วยนายวรรลพ วลัยศรี ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านไผ่ กำนันตำบลบ้านลาน ผู้ใหญ่บ้านบ้าน และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น ร่วมพิจารณาดำเนินการตามวินัยของสงฆ์ ในกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพของเจ้าอาวาสถ่ายภาพเซลฟี่คู่กับหญิงในห้องพักรีสอร์ต ซึ่งขณะที่คณะสงฆ์กำลังพิจารณาตามวินัยของสงฆ์นั้น ก็มีชาวบ้านจากบ้านสร้างแป้นเดินทางมาให้กำลังใจเจ้าอาวาสหลายสิบคน และติดตามความคืบหน้าข้อเท็จจริงว่าจะเป็นอย่างไร ก่อนจะเดินทางกลับหลังจากทราบว่าภาพดังกล่าวเป็นเจ้าอาวาสจริง โดยทางคณะสงฆ์มีมติให้พ้นจากเขตปกครองอำเภอบ้านไผ่ทันที และให้สึกจากการเป็นพระสงฆ์ภายใน 7 วัน

ชาวบ้านที่มารอ บอกกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีภาพหลุดดังกล่าวว่า มั่นใจว่าเป็นภาพของเจ้าอาวาสจริงๆ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่งถ้าเป็นเรื่องจริง หากถามว่าจะให้เป็นเจ้าอาวาสต่อไหม ก็แล้วแต่ทางพระผู้ใหญ่จัดการ ญาติโยมก็ไม่ขอยุ่ง เรื่องตัดต่อภาพตนเองก็ไม่ทราบว่าจะตัดต่อหรือไม่ตัดต่อ ก็ว่ากันไปตามคณะสงฆ์จะพิจารณา แต่ก่อนแต่ไรก็จะมีความศรัทธาต่อเจ้าอาวาส แต่หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีความศรัทธาอยู่ไหม เพราะชาวบ้านก็ไม่ทราบว่าจะมีเรื่องแบบนี้เข้ามา เพราะเจ้าอาวาสออกไปข้างนอกก็ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง จะไปทำอะไรที่ไหนบ้าง

นายวรรลพ วลัยศรี ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านไผ่ กล่าวว่า กรณีของพระรูปดังกล่าว ในส่วนของทางคณะสงฆ์ได้มีการสอบถามเรื่องภาพว่า เป็นภาพของท่านเจ้าอาวาสจริงหรือไม่ ซึ่งตัวท่านเจ้าอาวาสเองก็ยอมรับว่าจริง เป็นการไปพูดคุยเคลียร์กันเกี่ยวกับเรื่องเกี้ยวพาราสีกัน แต่ไม่ได้ยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กัน จึงได้มีมติจากทางคณะสงฆ์ให้สังฆาทิเสส และให้ออกจากพื้นที่ปกครองของอำเภอบ้านไผ่ และให้พิจารณาตัวเอง โดยทางเจ้าอาวาสยอมรับและจะพิจารณาตัวเองโดยการสึกภายใน 7 วันเพื่อรักษาพระพุทธศาสนา ในเรื่องความสัมพันธ์นั้นไม่ได้ระบุรายละเอียดอะไรมาก แต่ยอมรับว่าเป็นภาพตัวเอง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้วประมาณ 3 ปี สาเหตุที่ภาพหลุดนั้นอาจเพราะมีการตกลงเคลียร์กันแต่ไม่ลงตัว แต่ไม่ได้ลงในรายละเอียดอะไรมาก ไม่ราบว่าเป็นใครปล่อยภาพออกมา และตั้งแต่การเคลียร์กันเมื่อ 3 ปีที่แล้วก็ไม่ได้มีการพูดคุยกันอีก จนกระทั่งมีภาพหลุดจึงมีมติของคณะสงฆ์ออกมาดังกล่าว ส่วนที่ไม่ถึงขั้นปาราชิกเพราะเป็นเพียงภาพ ไม่ได้มีการสื่อไปถึงการร่วมเพศ ตามวินัยสงฆ์จึงเป็นได้เท่านี้ จึงให้พิจารณาตัวเองและทางเจ้าอาวาสก็ยยอมสึกเพื่อรักษาพระพุทธศาสนา ส่วนฝ่ายหญิงนั้นไม่สามารถติดต่อได้ ในส่วนของญาติโยมนั้น เนื่องจากเป็นเรื่องของศรัทธาชาวบ้าน ตนเองก็จะลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงกรณีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และตอนนี้ถือว่าพ้นจากการเป็นพระสงฆ์ในการปกครองของอำเภอบ้านไผ่แล้ว โดยทางเจ้าอาวาสของเวลาสึก 7 วันเพื่อเคลียร์ข้าวของต่างๆ ก่อน และเรื่องภาพก็ยอมรับว่าไม่ใช่ภาพตัดต่อ เป็นภาพของตัวเอง ซึ่งยอมรับตั้งแต่แรกเลย ยืนยันว่าเป็นการสอบสวนไม่ได้ช่วยเหลือใคร ทุกอย่างว่ากันไปตามพระธรรมวินัยสงฆ์

พระครูปริยัติสารวิสุทธิ์ จันทร์เรือง เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง และเจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวกรณีที่ไม่เป็นการอาบัติปาราชิกว่า เนื่องจากวินิจฉัยตามอริยศ 2 ซึ่งมีข้อวินิจฉัยว่า ถ้าอยู่ 2 ต่อ 2 กับผู้หญิงในกรณีที่ลับตา แต่ได้ยินอยู่ ซึ่งมีบุคคลที่เชื่อถือได้มากล่าวหาว่าท่านเป็นอาบัติตั้งแต่ปาราชิกลงมา คือรับอย่างไรให้ปรับอย่างนั้น อีกกรณีอยู่ในที่ลับหูแต่เห็นอยู่ก็จะปรับตั้งแต่สังฆาทิเสสลงมา และในกรณีที่มีภาพปรากฏนั้นเห็นได้ว่าเป็นสังฆาทิเสส ไม่มีเสร็จกิจในการสมสู่หรือการร่วมเพศ และตัวเจ้าอาวาสเองก็ไม่ได้รับด้วยเช่นกัน รับเพียงว่าเป็นภาพที่ถ่ายไว้ 3 ปีที่ผ่านมา และรู้จักกับหญิงในภาพ 4 ปี แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อกันอีก โดยรู้จักกันจากการไปเทศนาธรรม สนใจในธรรมก็ได้มีการพูดคุยและรู้จักกัน ในส่วนภาพที่หลุดมานั้นทางเจ้าอาวาสก็ไม่ทราบว่าหลุดออกมาได้อย่างไร และไม่ทราบว่าใครปล่อยภาพออกมา และไม่ยืนยันว่าจะเป็นฝ่ายหญิงหรือไม่ ยอมรับและยอมสึกภายใน 7 วัน เพื่อให้พระพุทธศาสนาไม่เสียหาย ซึ่งจะต้องเคลียร์กับทางญาติโยมและทางสิ่งของต่างๆ ก่อน

การพิจารณานั้น พิจารณาจากคำให้การของเจ้าตัวตามพระธรรมวินัย โดยมีภาพถ่ายเป็นองค์ประกอบในการพิจารณา และได้มีการติดต่อทางฝ่ายหญิงแต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ จึงไม่ได้ข้อเท็จจริงจากฝ่ายหญิง แต่ได้ข้อมูลจากทางเจ้าอาวาสซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับ โดยเบื้องต้นนั้นเป็นทั้งอาบัติสังฆาทิเสสและเป็นอาบัติปาราชิก แต่การพิจารณาโทษเป็นมติคณะสงฆ์ร่วมกันตามพระธรรมวินัย จะแตกต่างจากกฎหมายที่จะตัดสินโดยศาล โดยมติคณะสงฆ์ได้ลงความเห็นร่วมกันว่า เป็นอาบัติสังฆาทิเสส ให้ออกนอกพื้นที่ปกครอง อ.บ้านไผ่ ทันที ในอนาคตแม้มีหลักฐานเพิ่มเติมก็สิ้นสุดที่การสึกเช่นเดิม และหากมีหลักฐานเพิ่มต้องมีฝ่ายหญิงยอมรับว่ามีการร่วมเพศกันจึงจะเป็นอาบัติปาราชิก ก็ต้องว่ากันในเรื่องของอนาคต และการสึกด้วยการอาบัติสังฆาทิเสสก็สามารถกลับมาบวชใหม่ได้ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่การให้โอกาส ทุกอย่างเป็นไปตามพระธรรมวินัย แต่ก็คงอีกนานถึงจะกลับมาบวชใหม่ เพราะศาสนาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศรัทธาญาติโยม หลังจากนี้ก็จะส่งรายงานต่อให้กับทางสำนักพุทธดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป