หมอพรทิพย์ เผยพิรุธคดี แตงโม เชื่อมือถือ เป็นอีก 1 กุญแจช่วยไขคดี
วันที่ 14 ก.พ.68 พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวออนไลน์ช่อง8 ถึงประเด็นร้อนการเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม นิดา ว่า ก่อนหน้านี้อาจารย์ปานเทพ ได้มีการมาขอความคิดเห็น เพราะเราตามเรื่องนี้มา แต่ในส่วนดีเอสไอ ยังไม่ได้มีการติดต่อมา โดยส่วนตัวมองว่า สำหรับเรื่องนี้พยานหลักฐานที่จะดำเนินคดีอยู่ที่ศพเยอะพอสมควร ซึ่งดีเอสไอก็อาจไปหาหมอคนอื่นนอกจากตน แต่ตนมองว่าหากจะเอาประเด็นสำคัญที่เรา ก็ควรมาถามเรา เพราะคนอื่นไม่ได้สงสัยแบบเรา
"ที่ผ่านตนได้พูดคุยกับอาจารย์ปานเทพและหมอธวัชชัย เมื่อมีข้อสงสัยจากคนอื่น หรือไปฟังจากคนอื่นมา อาจารย์ปานเทพก็จะเอามาถาม แล้วก็เอาไปขยายผลต่อไป"
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นเรื่องรองเท้า ตอนนี้เรายังไม่เจอสถานที่เสียชีวิตของแตงโม คือที่ที่ทำให้สำลักเอาทราย โคลน เข้าไปในปาก นอกจากนี้ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือก็มีความน่าสงสัยในบางจุด เช่น GPS เรือ Google map ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับทราย จากนั้นอาจารย์ปานเทพได้สังเกตพฤติกรรมคนบนเรือว่า ปกติเราไปทานข้าวเราไม่ได้ไปย่ำทรายที่ไหนคงไม่มาเคาะเอาทรายออก แล้วยังเคาะ 2 คนด้วย จึงเป็นการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมต้องเคาะทรายออก แปลว่าไปเดินตรงทรายมาหรือไม่ ซึ่งจะขยายผลต่อไป
คุณจิณห์นิภา บัวแสงใส ทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 ได้สอบถาม พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ถึงบาดแผลขนาดใหญ่ที่ขาของแตงโม ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณไทด์ เอกพันธ์ ได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นบาดแผลที่ทำให้เสียชีวิต ในเรื่องนี้ หมอพรทิพย์ ให้ความเห็นในประเด็นนี้ว่า บาดแผลตำแหน่งนี้ทำให้เสียชีวิตได้ แต่จะไม่ทำให้ไม่เสียชีวิตทันที แต่จะทำให้เสียเลือดมาก สามารถตอบได้ไม่ยากหากหาที่เกิดเหตุเจอ ประกอบกับยังไม่เห็นรูปถ่ายที่ชัดเจน จึงไม่สามารถตอบได้ ขณะเดียวกัน บาดแผลที่เกิดขึ้น หากปล่อยไว้ทำให้เสียเลือดมากจนเสียชีวิต ก็ต้องไปดูปัจจัยอื่นด้วยเช่นกันว่าทำไมไม่ไปหาหมอ หรือไม่ไปขอความช่วยเหลือ แต่ตนก็ยังไม่ให้ความคิดเห็นมากเพราะไม่ได้เห็นกับตา
"ประเด็นเรื่องของฟันหัก เผยว่าสิ่งนี้ถูกพิสูจน์ด้วยหมอถึง 2 ครั้ง ว่าฟันไม่ได้หัก นอกจากนี้ยังมีการเอกซเรย์ก็พบว่าฟันไม่ได้หัก จึงคาดว่าอาจเป็นใบไม้มาแปะ ซึ่งหากเป็นใบไม้จริงๆ ทำให้ตั้งข้อสงสัยได้อีกว่าจุดเสียชีวิตไม่น่าใช่กลางแม่น้ำ"
คุณจิณห์นิภา ผู้สื่อข่าวออนไลน์ช่อง8 ถามเพิ่มเติมว่า ศพที่พบในน้ำ ควรมีลักษณะแบบไหน ในเรื่องนี้ หมอพรทิพย์ บอกว่า การพบศพในน้ำ เป็นประเด็นที่ต้องตั้งคำถาม และหาคำตอบ ข้อแรกคือ ผู้ตายตายในน้ำหรือไม่ อะไรเป็นเหตุให้ขึ้นจากน้ำไม่ได้ และการตายในน้ำตายเพราะอะไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องหาคำตอบมาก สำหรับกระบวนการชันสูตรศพที่ตายในน้ำ ต้องให้แพทย์นิติเวชเป็นผู้ดูตรวจจุดเกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อหาพยานหลักฐาน แต่ประเทศไทยมักปล่อยปละละเลยส่วนนี้ไป ขณะเดียวกันศพที่จมน้ำโดยธรรมชาติไม่มีเหตุอื่นก็ไม่ง่ายเช่นกัน ก็ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ เพราะไม่มีข้อระบุได้อย่างตายตัว
"ทั้งนี้ตั้งแต่ตนเข้ามาทำคดีนี้ เคยมีเบอร์แปลกโทรมาที่ตนครั้งหนึ่งโดยบอกว่าตัวเองเป็นทนายความชื่อดัง ได้รับการขอจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ว่าไม่ให้หมอยุ่งคดีนี้ ไม่ให้เข้าใกล้คดีนี้ เรื่องนี้ตนไม่ได้ตกใจ เพราะไม่ได้เป็นการขู่ แต่ต่อให้เป็นการขู่ ก็ไม่ได้ไปทำอะไรที่รบกวนใคร"
ต่อข้อคำถามว่า ประเด็นที่มีคนโทรหากู้ภัยว่ามีคนตกเรือทราย แต่กู้ภัยได้ยินว่าตกเรือตายนั้น คุณหมอพรทิพย์ ระบุว่า หากเป็นการตกเรือทรายจริง ตนอยากตั้งคำถามว่าทำไมถึงไปตกจากเรือทราย แปลว่าอาจมีการพบอะไรในเรือทราย ส่วนการที่กู้ภัยได้ยินแบบนั้นตนไม่มีความเห็นเพราะไม่ใช่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์
คุณจิณห์นิภา ผู้สื่อข่าวออนไลน์ช่อง8 ถามว่าคุณหมอมีความคาดหวังกับเรื่องนี้อย่างไร หมอพรทิพย์ เผยว่าไม่ได้คาดหวัง แต่ตั้งใจอยากให้ประเทศพัฒนากระบวนการยุติธรรมให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด ก็จะนำไปสู่ความยุติธรรม แต่สิ่งที่ทำให้คาดหวังไม่ได้เพราะอำนาจหลักคือตำรวจ ไม่ยอมปฏิรูปตัวเอง และนักการเมืองที่ไม่ปฏิรูปตำรวจ ซึ่งพิสูจน์ได้จากการที่ตนรับราชการ
ครั้งนี้ตนเห็นปรากฏการณ์อยู่หนึ่งอย่างดูมีความหวังเลือนๆคือสื่อ และประชาชนที่เกาะติดเรื่องนี้ ซึ่งอาจมีความเปลี่ยนแปลง จึงอยากให้ผบ.ตร. โปรดมีปฏิกิริยาสักที เพราะเรื่องนี้มันกระทบต่อองค์กรของท่าน
"เรื่องนี้ตนไม่อาจสามารถคาดเดาได้ว่าจะจบลงอย่างไร แต่เรามีหน้าที่ของเราหากมีโอกาสเราจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้ เพราะคดีนี้มีผู้เข้ามายุ่งเกี่ยว ทำให้คดีบิดเบี้ยว ติดกระดุมเม็ดแรกผิด แล้วก็ผิดตามๆมา ที่สำคัญทำไมหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมทุกหน่วยถึงนิ่งเฉยได้ ทั้งตำรวจไม่ทำอะไรเลย อัยการการศาลไม่พูดอะไรเลย การที่บอกว่ารื้อคดีไม่ได้ทั้งที่เห็นชัดเจน ว่าสิ่งที่ทำในครั้งแรกไม่สมบูรณ์ สิ่งที่เราอยากเห็นคือความกล้าทำที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นแสงสว่างให้กับประชาชน"
ตอนนี้ตนมองว่าแตงโมก็มีพลังที่ดี ที่ทำให้คดีพลิกกลับไปมา และครั้งนี้เป็นการพลิกกลับมาที่ไม่เห็นมาก่อน โดยเฉพาะข้อมูลที่ไม่สามารถดึงออกมาข้างนอกได้ ก็เปิดมาให้เห็น โดยเฉพาะตำรวจที่ทำคดีไม่น่าเชื่อว่าทำไมถึงทำกันเป็นเครือข่ายได้หมด
สำหรับเรื่องโทรศัพท์ เป็นพยานหลักฐานที่แม้ว่าจะบอกอะไรไม่ได้เป๊ะๆ แต่บางครั้งก็มีความน่าเชื่อถือ เช่น จีพีเอสของโทรศัพท์ ซึ่งจะสามารถเป็นกุญแจที่เปิดปากใครได้
สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนโรงพยาบาล ตนเห็นความพิรุธตั้งแต่แรก หากตนเป็นผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไม่สามารถเปลี่ยนได้ เพราะตามกฎหมายจะต้องไปในท้องที่ ดังนั้นต้องตอบมาว่าเหตุใดต้องเปลี่ยน เพราะแสดงให้เห็นว่าติดกระดุมเม็ดแรกผิด คือการเอาอำนาจเข้ามาก้าวล่วงหรือไม่