ดีเอสไอ ใช้เครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง สแกนภูมิประเทศบริเวณวัดค้างคาว เทียบเคียงเหตุกับ GPS เรือ-โทรศัพท์ ขนลุกเรือดับใกล้จุดพบร่าง "แตงโม นิดา"

จากนั้นเรือได้แล่นย้อนกลับ มามุ่งหน้าทิศเหนือ มาจอดเทียบท่าบริเวณวัดค้างคาว โดยจุดนี้ นายไกรศรี พร้อมคณะ ได้นำเครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง สแกนภูมิประเทศ โดยบริเวณที่ใช้เครื่องสแกนได้มาสแกนภูมิประเทศตรวจสอบโครงสร้างบริเวณประตูระบายน้ำใกล้เคียงวัดค้างคาว และนำมาประมวลผลประกอบเป็นภาพสามมิติ ก่อนนำไปประกอบกับข้อมูล GPS เรือ และ สัญญาณโทรศัพท์ โดยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษใช้เวลา บริเวณจุดนี้ประมาณ 30 นาที โดยพื้นที่สแกนหลักๆมี 3 จุดคือบริเวณท่าเรือวัดค้างคาว ประตูระบายน้ำ และตลอดเส้นทางเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา

ขณะที่ตลอดช่วงเช้าทางเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แล่นเรือสำรวจ 3 จุดหลักๆคือบริเวณกลางลำน้ำใกล้กับซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 ท่าเรือวัดค้างคาว และท่าทรายบริเวณหน้าบริษัท พูนพิพัฒน์ จำกัด โดยหลักๆใช้เครื่องเลเซอร์สแกนนิ่งและโดรนเก็บรวบรวมข้อมูล

นายไกรศรี ให้สัมภาษณ์ว่า จุดนี้เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจหลังจากได้ข้อมูลมาว่าเรือรับเกิดเหตุลอยลำอยู่บริเวณนี้เป็นเวลานาน เพื่อจะนำไปรวบรวมข้อมูลกับที่ได้มาก่อนหน้านี้ โดยความพิเศษของเครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง จะสามารถจำลองเหตุการณ์เทียบเคียงภาพเสมือนจริงได้มากที่สุดในคอมพิวเตอร์เทียบกับวันเกิดเหตุ โดยเครื่องนี้จะสามารถทำงานประกอบกับข้อมูล GPS เนื่องจากใช้ระบบเดียวกันผ่านสัญญาณดาวเทียม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล GPS และ ข้อมูล GPS โทรศัพท์ และภาพถ่ายแผนที่ดาวเทียม แล้วจะนำไปทำรูปแบบคอมพิวเตอร์กราฟิกสามมิติจำลองเหตุการณ์ประกอบกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยจะใช้วิธีการตั้งสมมุติฐานว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน ให้มีความใกล้เคียงกับข้อมูลที่ได้จากพยานให้มากที่สุด

สำหรับอุปสรรคในวันนี้ที่มีผลกับเครื่องมือ คือเรื่องของกระแสน้ำ เนื่องจากเครื่องมือจะต้องอยู่ในสภาพพื้นที่นิ่ง เพื่อที่จะประมวลผลได้แม่นยำ

สำหรับเครื่องเลเซอร์สแกนนิ่งตัวนี้ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยทางเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำมาใช้ในการเก็บข้อมูลประกอบกับหลักฐานที่ได้มาก่อนหน้านี้โดยเครื่องนี้ราคาอยู่ที่ตัวละหนึ่งล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเรือเทียบท่าที่วัดค้างคาว นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อมด้วยนายเอกราช นามโภคิน และพันเอกนายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ ได้เดินสำรวจพื้นที่ภายในวัดค้างคาว และบริเวณโดยรอบ ซึ่งในจุดนั้นมีจุดสำคัญคือ บันไดเทียบท่า ที่คาดว่าจะเป็นจุดจอดเรือในช่วงเวลา 02.00 น. ในวันเกิดเหตุ และมีจุดที่เป็นประตูน้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้นำเครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง ลงพื้นที่ตรวจสอบและสแกนครบทั้ง 2 จุด เพื่อนำข้อมูลไปสอดคล้องกับข้อมูลพยาน

นายปานเทพ เผยว่า ในจุดเทียบเรือที่มีบันไดสามารถเดินขึ้นมาทางเดินและสามารถไปทางวัดค้างคาวและประตูน้ำได้ เป็นจุดที่คาดว่าเรือลำเกิดเหตุลอยมาจอดอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ตามหลักฐาน GPS เรือ สามารถเดินขึ้นและลงได้

ซึ่งจากข้อสังเกตของนายปานเทพ เปิดเผยว่า หากแตงโม ไม่ได้ตกเรือ จุดนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นจุดกระทำอะไรบางอย่างของกลุ่มคนในที่เกิดเหตุวันนั้น อาจจะเป็นการนำเรือมาล้าง แต่ทุกอย่างต้องดูในเรื่องพยานหลักฐานด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อช่วงเวลา 09.30 น. ทีมข่าวลงพื้นที่กับเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจากกรมสอบสวนคดีพิเศษพร้อมนำเครื่องโซน่าสแกน เพื่อไปสแกนผิวน้ำ โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความเร็วเรือประมาณ 4 นอต ระยะห่างจากตลิ่ง 60-70 เซนติเมตร

เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความเร็วเรือประมาณ 4 นอต ระยะห่างจากตลิ่ง 60-70 เซนติเมตร เลาะไปตามเส้นตั้งแต่บริเวณสะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ หรือสะพานนนทบุรี 1 มุ่งหน้าไปยังท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ผ่านจุดท่าทราย และลอดใต้สะพานพระราม 7 กลับมายังวัดค้างคาว ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่และประชาชนตั้งข้อสงสัย ซึ่งอุปสรรคในครั้งนี้คือน้ำที่ค่อนข้างแรงทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ยากลำบากเล็กน้อย

เมื่อเจ้าหน้าที่ขับเรือมาเลยจุดวัดค้างคาว ซึ่งใกล้เคียงกับจุดที่ร่างแตงโม ปรากฏว่าเรือเกิดดับลงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งคนขับเรือให้ข้อมูลว่าอาจจะไปติดกับเศษอะไรบางอย่างใต้น้ำก่อนที่จะทำออกเดินเรือกลับอู่เรือบ้านเรือเล็ก

ทั้งนี้ จากปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่สามารถใช้เครื่องโซน่าสแกนเส้นทางไปได้แล้วถึง 30% และจะเดินหน้าสำรวจต่อในช่วงบ่ายเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาต่อไป