สาวร้องเที่ยวสถานบันเทิง ถูกแฟนเก่าการ์ดตบฟรี เหตุหึงหวงเคยให้ยาท้องเสียกับฝ่ายชาย ชี้เหตุเกิดตั้งแต่เดือน ก.ย. ปีที่แล้ว แต่คดียังไม่คืบ หวั่นไม่ได้ความเป็นธรรม หลังรู้พี่ชายคู่กรณีเป็นตำรวจ และช่วยน้องค้นทะเบียนราษฎร์หาข้อมูลส่วนตัวของตนเอง
วันที่ 19 ก.พ. 2568 นางสาวเฟิร์น อายุ 24 ปี เข้าร้องทุกข์กับเพจสายไหมต้องรอด หลังไปเที่ยวที่สถานบันเทิง ย่านลาดพร้าว แต่กลับถูกแฟนเก่าของรุ่นพี่ตบ เพียงเพราะหึงหวงที่ผู้เสียหายเคยให้ยากับรุ่นพี่ไว้รับประทานตอนที่ป่วย
ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 ตนเองได้ไปเที่ยวที่สถานบันเทิง ย่านลาดพร้าว 83 กับเพื่อนประมาณ 5-6 คน หลังร้านปิดก็ได้นั่งรับประทานอาหารอยู่กับกลุ่มการ์ดที่หน้าร้าน ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาทราบว่าชื่อ "เนย" เป็นแฟนเก่าของการ์ดที่รู้จัก (แต่ตอนเกิดเหตุการ์ดคนนี้ไม่อยู่) เดินเข้ามาถามหาที่กลุ่มตนเองว่า "ใครชื่อเฟิร์น" ตนเองจึงตอบรับไปแต่กลับถูกอีกฝ่ายด่าและต่อว่าเรื่องที่พบซองยาชื่อตนเองอยู่ในกระเป๋าของฝ่ายชาย โดยซองยาดังกล่าวตนเองเคยให้กับการ์ดไว้เมื่อ 1 เดือนก่อนเกิดเหตุ เพราะการ์ดไม่สบาย ท้องเสีย ทำให้แฟนเก่าของการ์ดไม่พอใจ
ตนเองพยายามอธิบายแล้วว่าไม่ได้คุยหรือเป็นอะไรกัน เพียงสนิทกันเฉย ๆ จากนั้นอีกฝ่ายก็ไปตามเพื่อนมาประมาณ 4 คน ตนเองกลัวจะมีเรื่องจึงเดินหนีออกมา และรีบโทร. ตามพี่ให้มาช่วย แต่ไม่ทัน ถูกกลุ่มคู่กรณีวิ่งมาล็อกตัวและ "เพ็ญ" เพื่อนของ "เนย" ก็เข้ามาตบหน้า 2 ครั้ง โดย "เนย" ก็ยืนด่าตนเองอยู่ด้วยความโมโหที่ถูกตบหน้า จึงด่าอีกฝ่ายกลับไป กลุ่มคู่กรณีจึงลากตนเองออกมาจากเต้นท์ที่ยืนรอรถ ก่อนจะรุมกระทืบตนเองท่ามกลางสายฝนนานกว่า 5 นาที โดยไม่มีคนในร้านหรือการ์ดของร้านออกมาช่วยเหลือตนเองเลย น่าจะเพราะ "เพ็ญ" เป็นพยาบาล และเป็นภรรยาของหัวหน้าการ์ด มีการบอกไม่ให้คนในร้านออกมา มีเพียงรุ่นพี่ผู้ชายของตนเองและพลเมืองดีอีกคนมาช่วยดึงตัวเองออกมา ก่อนที่จะมีโชเฟอร์แท็กซี่เห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้ามารับตนเองขึ้นรถหนีออกมาก
เบื้องต้นไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล พบว่ามีอาการฟกช้ำหลัง หัวเข่า และศีรษะ แล้วไปแจ้งความที่ สน.โชคชัย ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้เรียกคู่กรณีทั้ง 4 คนมารับทราบข้อหาเรียบร้อยแล้ว แต่ตนเองกลับถูกกลุ่มคู่กรณีแจ้งความกลับฐานแจ้งความ แต่หลังจากนั้นคดีก็หยุดนิ่ง ไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาไปฟ้องศาล และกลุ่มคู่กรณีก็ไม่มีการเยียวยา
จนกระทั่งช่วงปลายปีที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกลับบอกว่าให้ตนเองไปหาชื่อและนามสกุลคู่กรณีทั้ง 4 คนมาให้ ตนเองก็รู้สึกไม่ไว้ใจการทำงานของตำรวจ เพราะก่อนเกิดเหตุ "เนย" เคยโทร. มาหาตนเองเรื่องซองยาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตนเองก็สงสัยว่าอีกฝ่ายได้เบอร์ตนเองมาจากไหนจึงโทร. ไปหาการ์ดคนดังกล่าว ได้รับคำตอบว่า "เนย" มีพี่ชายเป็นตำรวจและได้ยิน "เนย" โทร. ให้พี่ช่วยค้นทะเบียนราษฎร์ของตนเองให้ จึงกลัวว่าคดีจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และจนถึงวันนี้คดีก็ยังไม่คืบหน้า
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ยืนยันว่าจะช่วยประสานตำรวจ สน.โชคชัย เพราะคดีนี้หลักฐานชัดเจน ทั้งกล้องวงจรปิดและบาดแผล หากคดีล่าช้าก็เท่ากับไม่ได้รับความเป็นธรรม