"พี่ศรี" นักร้องเรียน เปิดใจหลังศาลยกฟ้องแจ้งเท็จ กกต. เอาผิด "ทักษิณ" ลั่นดาบนั้นต้องคืนสนอง

เมื่อวันที่ วันที่ 21 ก.พ. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน นักร้องเรียนชื่อดังเป็นจำเลย ในความผิดฐาน รู้อยู่แล้วว่ามิได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำผิดสั่งสอบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำผิด หรือแกล้งบุคคลใดให้ต้องรับโทษ

อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2565 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจยื่นหนังสือร้องเรียนแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการลือกตั้ง( กกต.)ว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดได้ ควบคุม ครอบงำหรือชี้นำพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยยินยอมให้นายทักษิณ ควบคุม ครอบงำหรือชี้นำ เรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ทำให้พรรคการเมืองขาดความเป็นอิสระ อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28,29 จึงขอให้ กกต.ไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ปรากฏตามหนังสือของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จ เนื่องจากนายทักษิณ มิได้ควบคุม ครอบงำหรือชี้นำพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด ทั้งนี้เพื่อให้นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยต้องรับโทษทางอาญา โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด

จำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว

ช่วงเช้าวันนี้(21ก.พ.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เดินทางมาศาลอาญา พร้อมกับเปิดเผย ก่อนเข้าฟังคำพิพากษา ว่า คดีนี้ หลังจากที่ตนเองไปยื่นเรื่องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบกรณีของนายทักษิณ ที่มีพฤติการณ์ครอบงำพรรคเพื่อไทย จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ได้ไปแจ้งความ ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ในฐานะส่วนตัว ซึ่งไม่ได้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ หรือ พรรคเพื่อไทย เพียงแต่กล่าวอ้างว่า เห็นข้อมูลจากข่าวจึงนำเรื่องมาแจ้งความ จากนั้น ตำรวจสรุปสำนวนส่งอัยการ และส่งฟ้องต่อศาล ก็มีการต่อสู้กันในชั้นศาล ซึ่งตนเอง ก็ต่อสู้ว่า การร้องเรียนต่อ กกต. เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญไทย และมองว่า นายวิญญัติ ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง แต่ก็เป็นสิทธิ ที่จะมาแจ้งความร้องทุกข์ได้

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า การร้องเรียนเรื่องต่างๆ ของตนเองนั้น ถือเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญไทย ในการตรวจสอบพรรคการเมือง ซึ่งหากเป็นแบบนี้ ใครไปร้อง กกต.ให้ตรวจสอบเรื่องต่างๆ ก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ใช่หรือไม่

โดยศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่าหนังสือร้องเรียนที่จำเลยยื่นต่อ กกต. เป็นการแสดงความเห็น ตามข้อเท็จจริงไม่ใช่การยืนยันว่าทักษิณ กระทำความผิดแต่อย่างใด แม้ต่อมา กกต. มีหนังสือ แจ้งการยุติเรื่องร้องเรียน ว่านายทักษิณไม่ได้มีพฤติกรรมครอบงำกิจกรรมของพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันจำเลย เบิกความยืนยันว่าไม่ได้มีอคติต่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง และไม่ได้มุ่งร้องเรียนเฉพาะนายทักษิณ เท่านั้น เพราะที่ผ่านมาก็เคย ยื่นเรื่องร้องเรียน จนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยหลายคดี เช่น การยุบพรรคไทยรักษาชาติ ยุบพรรคอนาคตใหม่ และเพิกถอนสิทธิทางการเมืองของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นต้น จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งนายทักษิณ

อีกทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ก็ เป็นบุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นบุคคลในครอบครัวมีความ ใกล้ชิดกัน จึงอาจทำให้คนทั่วไป คิดเหมือนกับจำเลย และประชาชน มีสิทธิร้องเรียนให้ตรวจสอบได้

ภายหลังนายศรีสุวรรณ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง ดังนั้นคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานในการเดินหน้าตรวจสอบนักการเมืองต่อไป ส่วนที่มีการแจ้งความตนเองนั้นก็เพื่อเตะขัดขาไม่ให้ตนเองไปดำเนินการตรวจสอบสอบนักการเมืองดังกล่าวและมีภาระในการสู้คดี เมื่อมีคำพิพากษายกฟ้องในครั้งนี้ ทำให้ตนและประชาชนทุกคนมีสิทธิตรวจสอบนักการเมืองได้ตามกฎหมาย โดยไม่ต้องกังวลว่าประชาชนร้องเรียนหน่วยงานใดจะมีความผิด เพราะเป็นการใช้สิทธิโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า มีความคิดเห็นต่อพนักงานสอบสวนหรืออัยการ ที่ทำคดีนี้อย่างไรบ้าง นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า คงต้องไปดูสำนวนและปรึกษาว่า มีกรณีไหนเป็นการขัดขวางการใช้สิทธิโดยชอบ และจงใจให้เป็นภาระทางคดี ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เหมือนศรีปราชญ์เคยกล่าวไว้ ว่า "ดาบนั้นต้องคืนสนอง" แต่ก็ยังไม่ใช้เร็วๆนี้ เพราะต้องให้ทีมที่ปรึกษากฎหมายได้พิจารณาและตรวจสอบคำให้การของพยานอย่างถี่ถ้วนทั้งหมด