ทวี แจงปมร้องตรวจสอบ สว.67 เผยพบหลักฐาน 138 คน เอี่ยวฮั้ว ขณะที่ สว. แถลงเดือด ซัดเกมการเมือง

สว. ซัดเกมการเมือง หวังล้มกระดาน

โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมรับเรื่องจากกลุ่มอดีตผู้สมัคร สว.ที่ยื่นให้ตรวจสอบการได้มาซึ่ง สว.ปี 2567 โดยมิชอบไว้เป็นคดีพิเศษว่า จากการตรวจสอบในหลายด้านทราบว่า DSI เตรียมบรรจุเรื่องดังกล่าวจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากการตรวจสอบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งขณะนี้ กกต.ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบแล้ว สว.ก็ได้ให้ความร่วมมือไปให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และจะดำเนินการตรวจสอบต่อไป หากเข้าข้อกฎหมายเรื่องใดมีความผิดเรื่องใด หรือเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดหรือบุคคลใดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อวุฒิสภาก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างที่สุด

“สว.เข้ามาอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ตามเงื่อนไขและระเบียบที่กกต.กำหนด และทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ฝักใฝ่หรือเกี่ยวข้องกับผู้ใด การตรวจสอบนั้นเป็นไปตามอำนาจและหน้าที่ของ กกต. ส่วนหน่วยงานที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่ออกมาให้ข่าวนั้น ทำให้ สว.ต้องมาปกป้องสิทธิ์และศักดิ์ศรี” นายมงคล กล่าว

พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวโยงอยู่กับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น ความพยายามบางอย่างตนมองว่าไม่ค่อยปกติ ฉะนั้นจากนี้ไปสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่ง จะใช้กระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกันในการกล่าวโทษดำเนินคดีในประเด็นต่าง ๆ และจะลงชื่อกันอภิปรายไว้วางใจผู้บริหารที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ต่อไป

พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ สว. กล่าวว่า สว.ชุดปัจจุบันมาโดยรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มาโดยสมาคม หรืออั้งยี่ ซึ่งข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นนั้นเกินเลยจากข้อเท็จจริง อย่างไรก็ดี การกล่าวหาว่าองค์กรของรัฐที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนประชาชน เป็นกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ คือ การใส่ความ

ขณะนี้มีกระบวนการจัดตั้งเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญในวิธีการฉ้อฉลเพื่อทำให้เกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำที่ปกติวิสัยฉ้อฉล บิดเบือนกฎหมายและกระบวนการครั้งนี้กลับมาอีกครั้ง เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560

“คนที่จะถูกตรวจสอบคือคนที่ไม่มีหน้าที่ แต่กลับก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองจะเป็นคนที่ต้องถูกดำเนินคดี และตรวจสอบว่ามาอย่างไรมีองค์กรใดอยู่เบื้องหลังที่ทำให้เกิดความปั่นป่วน” พ.ต.อ.กอบ กล่าว

"ทวี" แย้มพบหลักฐาน 138 สว. ส่อเอี่ยวฮั้ว

ขณะเดียวกัน ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่สมาชิกวุฒิสภา นำโดยประธานและรองประธานวุฒิสภา ตั้งแถลงข่าว โดย พ.ต.อ.ทวี ระบุว่าขณะนี้ดีเอสไอได้ตั้งคดีสืบสวนไว้แล้ว ซึ่งถ้าอยู่ชั้นสอบสวนที่ไม่อยู่ในบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ก็จะต้องนำเข้าเป็นคดีพิเศษในฐานความผิดอาญาอื่น แต่ต้องมีลักษณะเป็นความผิดที่ทำเป็นกระบวนการ หรือเป็นองค์กร มีผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ รวมถึงเป็นผู้ที่มีอิทธิพล ถ้าเข้าเกณฑ์ในลักษณะนี้นั้น ดีเอสไอสามารถทำให้ทุกคดี แต่ถ้าคดีนั้นเป็นคดีที่เกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เขาก็จะดึงไป หรือถ้าคดีนั้นเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็จะดึงเฉพาะส่วนฐานความผิดฐานเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. ไป

พ.ต.อ.ทวี เผยว่า ขณะนี้เนื่องจากเราเคยมีการแจ้งไปยัง กกต. แล้วว่ามีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษว่าการเลือก สว. ครั้งดังกล่าว มีการกระทำเข้าข่ายความผิดทั้งกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. และผิดกฎหมายอาญาหลายมาตรา โดยเราแจ้งไปหลายครั้ง แต่ปรากฏว่าจนถึงวันนี้ กกต. เพิ่งตอบกลับหนังสือมาใหม่ว่า เนื่องจากมาตรา 49 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ระบุว่าจะต้องเป็นการสอบสวน อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอไม่รับเรื่องไม่ได้ เนื่องจากมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษว่าการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่บริสุทธิ์ คือ มีการทำโพย และมีการฮั้วกัน

“ผู้มาร้องได้มาพบกับผม และมีการนำโพยมาให้ว่ากลุ่มที่ 1 หมายเลขนั้นหมายเลขนี้ฮั้วกัน จนถึงหมายเลข 20 ผมได้ถามว่าชื่อหมายเลขนั้นของกลุ่มนี้คือใคร จะพบว่าเป็น สว. อยู่ประมาณ 138 คน และ สว. ลำดับสำรองอยู่ 2 คน โดยเป็นพยานเอกสารซึ่งไม่มีใครทำได้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องมาให้การกับดีเอสไอ กราบเรียน สว. ว่า เราเคารพท่าน และดีเอสไอทำงานให้ความยุติธรรมคน ไม่อคติ และตรงไปตรงมา ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนคิดว่าผู้ร้องได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจในนิติบัญญัติ ถือว่าเป็นอำนาจของความมั่นคง เมื่อเข้าในชั้นคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) จะต้องพิจารณาว่ามีมูลพอสมควรหรือไม่ เพราะการสอบสวนเราจะต้องเชิญคนนอก เชิญผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมคณิตศาสตร์แห่งประเทศไทย โดยในการตรวจสอบพบว่ามีผู้เชี่ยวชาญบางคนมาให้การว่า ถ้าไม่มีการฮั้วกันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ถ้าจะเลือกคน 10 คน ก็ควรสลับกันบ้าง แต่นี่ไม่สลับกันเลย ลำดับตรงกับโพย ซึ่งเป็นเรื่องที่เราสงสัย ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการเมืองอะไรทั้งสิ้น และเป็นคนที่เคารพกันทั้งนั้น” พ.ต.อ.ทวี ระบุ

เมื่อถามว่าขณะนี้เรื่องได้เข้าสู่การรับเป็นคดีพิเศษแล้ว หรือกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า คณะกรรมการคดีพิเศษ มีอยู่ 21 คน ซึ่งแต่ละคนไม่มีใครที่จะล็อบบี้ได้ มีทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญที่ตั้งมาจากหลากหลายที่ เช่น อัยการสูงสุด สำนักงานกฤษฎีกา นายกสภาทนายความ และ ผบ.ตร. ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบว่าจะรับเรื่องหรือไม่ แต่ขอให้พนักงานสอบสวนทำอย่างตรงไปตรงมา เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ อยากให้บอกว่าเป็นคดีปกติคดีหนึ่ง แต่ถ้าท่าน สว. ไม่สบายใจ จะเชิญตนมาชี้แจงก็ได้ ทั้งนี้ จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ต้องให้พยานหลักฐานเป็นผู้กำหนด และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน คนอยู่ต่างถิ่นต่างที่ของประเทศ มารวมกันได้อย่างไร มานอนโรงแรมเดียวกันได้อย่างไร ก็เป็นสิ่งที่เขาจะต้องมาตอบ ซึ่งหลักฐานบางส่วนเราได้มาแล้ว ส่วนการรับเรื่องในครั้งนี้ทำให้ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา ระบุว่า อาจจะขออนุญาตเข้าชื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พ.ต.อ.ทวี ในสภาด้วยนั้น ตนก็ยินดี

พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ดีเอสไอไม่ได้ทำเรื่องที่มีความผิดเกี่ยวกับ กกต. ซึ่งถ้าเราเห็นก็ส่งให้ กกต. ดำเนินการ แต่บางเรื่อง กกต. เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ก็อาจจะมาร่วมกับดีเอสไอก็ได้ ส่วนความผิดฐานอื่น เช่น เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือใด ๆ นั้น กกต. ไม่มีอำนาจดำเนินการ