ญาติร้องช่อง8! เทศบาลจัดทัศนศึกษา แต่ญาติต้องจ่ายค่าจัดงานศพเอง ศพละ 50,000 มองคนรักตายแต่ยังต้องจ่ายเงินเพิ่มซ้ำเติมความสูญเสีย

จากเหตุการณ์รถทัวร์ 2 ชั้น เดินทางจากจังหวัดบึงกาฬ ไปดูงานที่จังหวัดระยอง เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำที่ถนนสาย 304 บริเวณทางลงเขาศาลโทน ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และบาดเจ็บจำนวนมากตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

 

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดป่าวิเวกธรรมคุณ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ สถานที่จัดพิธีศพของผู้เสียชีวิตจำนวน 13 ศพ ซึ่งนำมาประกอบพิธีตั้งศพไว้ที่นี่ บรรยากาศตลอดทั้งวันมีครอบครัวญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทยอยเดินทางกันมาจุดธูปไหว้เคารพศพกันอย่างไม่ขาดสาย บรรยากาศยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

 

ขณะเดียวกันใกล้จุดที่ตั้งโลงศพพบว่าเจ้าหน้าที่และทางวัดได้จัดเตรียมเมรุเผาศพชั่วคราว ซึ่งทำจากท่อนไม้สร้างเป็นกองฟอน เพื่อเตรียมที่จะทำพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 1 มีนาคมที่จะถึงนี้พร้อมกัน

 

ทีมข่าวได้เข้าไปเก็บบรรยากาศงานศพภายในวัดระหว่างนั้นได้มีญาติของผู้เสียชีวิตบางส่วน ได้เดินเข้ามาขอความช่วยเหลือกับทีมข่าวช่อง8 ที่ยืนอยู่ และได้สะท้อนถึงความเดือดร้อนให้ทีมข่าวฟังถึงปัญหาที่เกิดขึ้น 

 

โดยญาติของผู้เสียชีวิต 2 ใน 13 ศพ ได้ขอร้องให้ทีมข่าวช่อง 8 ช่วยสะท้อนไปถึงหน่วยงานภาครัฐให้หน่อย เนื่องจาก รู้สึกไม่ถึงความไม่ยุติธรรม เพราะหลังจากเกิดเหตุได้มีผู้นำหมู่บ้านได้อ้างกับญาติของผู้เสียชีวิตว่า ได้มีการลงมติกับญาติคนตายบางส่วนเพื่อที่จะเรียกเก็บเงินกับญาติของผู้เสียชีวิตศพละ 50,000 บาท เบื้องต้นเพื่อเป็นค่าจัดงานศพ 

 

ผู้นำหมู่บ้านอ้างถึงเหตุผลว่า หลังเกิดเหตุยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเงินค่าจัดงานเบื้องต้นเลย ทำให้ผู้นำชุมชนจำเป็นต้องขอเรียกเก็บกับทางญาติของผู้เสียชีวิตไปก่อนศพ ละ 50,000 บาท รวม 13 ศพ รวมเป็นเงิน 650,000 บาท ซึ่งในเงินจำนวนนี้จะนำไปจ่ายค่าอาหารเลี้ยงงานศพ รวมถึง นำไปจ่ายค่าสร้างเมรุชั่วคราวจำนวน 13 เมรุ และกองไม้ รวมค่าใช้จ่ายเฉพาะเมรุชั่วคราว มูลค่า 180,000 บาท 

 

ซึ่งญาติของผู้เสียชีวิตต่างตั้งคำถามว่า พ่อแม่ คนที่รักของพวกเราต่างสูญเสียแต่กลับต้องมาถูกเก็บเงินซ้ำเติมอีก บางครอบครัวก็ฐานะยากจน ซึ่งงานทัศนศึกษาที่จัดขึ้นนั้น เทศบาลตำบลพรเจริญ เป็นคนจัดขึ้น แต่ทำไมกลับไม่ส่งเงินมาช่วยเหลือหรือรับผิดชอบค่าใช้จ่ายไปก่อน แต่กลับโยนให้ผู้นำชุมชนหาทางหาเงินมาจัดงานศพเอง ทำให้ผู้นำชุมชนก็ต้องมาเรียกเก็บเงินจากญาติคนตายต่อ ซึ่งแท้จริงแล้วทางเทศบาลตำบลพรเจริญและหน่วยงานรัฐต้นสังกัดควรออกมาช่วยเหลือก่อนหรือไม่ ซึ่งหากมีการเก็บเงินจำนวนมากขึ้นนี้ ญาติสู้นำศพของคนรัก นำกลับไปจัดพิธีที่บ้านเองดีกว่า ไม่ถูก และประหยัดกว่าหรือไม่

 

ระหว่างการพูดคุยกับทีมข่าว ญาติของผู้เสียชีวิตได้ยังได้เข้าไปพูดคุยกับผู้นำชุมชนถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยังหาข้อยุติไม่ได้ 

ต่อมาเราได้พูดคุยกับ นางกิติยา ลูกสาวของนางพิรานันท์ 1 ในผู้เสียชีวิต บอกกับทีมว่า พวกตนเองแค่นี้ก็รู้สึกเสียใจมากพอแล้ว แต่กลับต้องมาถูกเรียกเก็บเงินจำนวน 50,000 บาท ทั้งที่แม่ของตนเองเดินทางไปร่วมงานที่ทางเทศบาลตำบลพรเจริญเป็นคนจัดขึ้นและต้องมาตาย

 

ซึ่งเจ้าหน้าที่ขอให้นำศพของแม่มาตั้งรวมกันเพื่อทำพิธีฌาปนกิจไปพร้อมกันเพื่อความสะดวก แต่แทนที่หน่วยงานภาครัฐหรือเทศบาลจะเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเงินในการจัดงาน เพราะเป็นคนเสนอจัดขึ้น แต่ทำไมกลับต้องมาเรียกเก็บเงินจากญาติผู้เสียชีวิต ทำแบบนี้เหมือนการถูกซ้ำเติมความเสียใจมากขึ้นไปอีก คนรักตายยังต้องมาเสียเงินเพิ่มอีก 

 

นอกจากนี้เธอยังได้ตั้งคำถามถึงวัตถุประสงค์ ในการจัดงานทัศนศึกษาดังกล่าวขึ้นว่าจัดเพื่ออะไรและก่อนที่จะไปทำไมทางเทศบาลถึงไม่มีการทำประกันเดินทางให้กับทุกคนเพื่อให้เซ็นเอกสาร เพราะเท่าที่รู้มาไม่มีการทำประกันภัยการเดินทางเลยสักคน

 

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมานายนคร ศิริปริญญานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ และ นายมนตรี จารุธำรง นายอำเภอพรเจริญ ได้เดินทางมาร่วมเป็นประธานในพิธีฟังสวดพระอภิธรรมศพที่วัดป่าวิเวกธรรมคุณ

 

นายมนตรี นายอำเภอพรเจริญ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีส่วนอภิธรรมศพเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตทั้ง 13 รายที่วัดป่าวิเวกธรรมคุณในประเด็นเกี่ยวกับที่ญาติได้มีการร้องสื่อว่า ถูกเรียกเก็บเงิน จำนวน 5 หมื่นบาท เพื่อเป็นค่าจัดงานศพ โดยยืนยันว่า เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนเพราะก่อนหน้านี้มีการเรียกประชุมญาติ เกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดงาน เพราะมองว่าการผลักภาระค่าใช้จ่ายให้กับทางวัดอย่างเดียว อาจจะไม่เพียงพอหรือไม่ถูกต้อง

 

ซึ่งญาติที่เข้าประชุมบางส่วนได้มีการเสนอตัวเงินกันขึ้นมาจำนวน 5 หมื่น ต่อราย เป็นการค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ซึ่งมองว่าหากจัดเองจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่านี้แต่นี่เป็นการตกลงของบางครอบครัวเท่านั้น ทำให้ครอบครัวที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย รู้สึกไม่พอใจและไม่เข้าใจการพูดคุยในครั้งนี้

 

นายอำเภอยืนยันว่า เป็นความเข้าใจผิด หลังจากนี้จะมีการพูดคุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันแล้วยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน ห้าหมื่นบาท ตัวเองก็ไม่เห็นด้วย