แจ้งความ ปปป. เอาผิดขบวนการทุจริตการรับยา โรงพยาบาลทหารผ่านศึก พบข้าราชการมีเอี่ยวประมาณ 20 คน
จากกรณีปม "ทุจริตยา โรงพยาบาลทหารผ่านศึก" ว่ามีมูล 1 ในทีมสารภาพแล้วว่าทำกันเป็นขบวนการ มีทั้งหมด 6 ทีม จัดมาจากลพบุรี ร่วมกับพยาบาลเกษียณ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ทำงานอยู่ รวมถึงแพทย์ และพยาบาลในโรงพยาบาลด้วย
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 มี.ค. 68 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกพร้อม แพทย์หญิงจิตติมา ปรีชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนายธนเดช เพ็งสุข สส.พรรคประชาชน นำเอกสารหลักฐานเข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง และ นายภูมิวิศาล เกษมศุข สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เพื่อแจ้งความเอาผิดคนที่กระทำความผิดในขบวนการทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก
พล.อ.เดชนิธิศ เปิดเผยว่า ตามที่ทราบว่ามีการทุจริตยาในโรงพยาบาลทหารผ่านศึกเกิดขึ้น เราไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยหลังจากที่ได้ข้อมูลก็ได้มีการดำเนินการสองส่วนในการตรวจสอบเรื่องนี้
ส่วนแรกคือ ป.ป.ท. ตรวจสอบพยานหลักฐาน ส่วนที่สองคือตั้งคณะกรรมการสอบสวนเบื้องต้นภายในองค์การทหารผ่านศึก โดยพยานหลักฐานไปในทิศทางเดียวกันว่ามีการกระทำความผิดจริง โดยขอเวลาให้เราทำงานในการตรวจสอบเชิงลึกอีกระยะหนึ่ง ก่อนจะแถลงข่าวความคืบหน้าโดยละเอียดอีกครั้ง
ซึ่งระยะเวลาการทุจริตนั้นมีเวลายาวนานเกือบ 10 ปี โดยขบวนการดังกล่าวมีผู้ร่วมขบวนการตั้งแต่ผู้ป่วย ไปจนถึงข้าราชการทหารระดับสูง โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประมาณหลักร้อย โดยความเสียหายมีจำนวนมาก แต่ตนขอตรวจสอบรายละเอียดก่อนจะให้ข้อมูลอีกครั้ง ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา
โดยก่อนหน้านี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ไปแล้วหนึ่งครั้ง และพบว่ามีมูลความผิด จึงให้บุคคลบางส่วนย้ายตำแหน่งหน้าที่ออกไปจากส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากข้อมูลพบว่ามีบางส่วนที่เชื่อมโยงกันกับการทุจริตอยู่ในขณะนี้ด้วย
หลังจากที่ตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนตุลาคม 66 พบว่าช่วงสองถึงสามเดือน มีความผิดปกติ โดยมีรถตู้นำผู้ป่วยจากจ.ลพบุรี เข้ามาที่โรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาและขอรับยาครั้งละประมาณ 10-20 คน และเป็นผู้ป่วยรายชื่อเดิมๆ หลายครั้ง และเป็นแบบนี้มาตลอดแทบทุกเดือน ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่หนักใจกับการตรวจสอบเรื่องนี้
ด้านนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวว่า ขณะนี้มีการตรวจสอบได้ระดับหนึ่งแล้ว และหากใครที่รู้ตัวว่ากระทำความผิด หากพบว่าเส้นทางการเงินไปถึงใคร ให้เตรียมรับผลของการกระทำไว้ได้เลย
“อย่างที่ท่านพล.ต.ต.จรูญเกียรติ พูดมาโดยตลอด ทุกครั้งที่ลงไปดำเนินการตรวจสอบจะมีสึนามิตามมา ขอย้ำว่าเส้นทางการเงินไปถึงใคร คุณเตรียมรับได้เลย และในเรื่องนี้ไม่ได้มีผู้ร่วมในขบวนการแค่ 2 -3 คนเท่านั้น ใครที่กระทำความผิดวันนี้ให้รีบเดินเข้ามาหาเราจะดีกว่า” นายภูมิวิศาล กล่าว
และจากการตรวจสอบพบว่าแผนประทุษกรรมมีความชัดเจนแล้ว ในส่วนของข้าราชการไม่ว่าจะเกษียณไปแล้วหรือยังอยู่ในตำแหน่งหากพบเส้นเงินที่ไปเกี่ยวข้องก็จะเรียกมาสอบ
ส่วนข้อกังวลว่าเรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับหน่วยงานทหารจะทำให้การตรวจสอบยากขึ้นหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่มีคำว่าเอกเทศ ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน รับผิดเหมือนกันไม่มีการยกเว้นอะไรทั้งสิ้น และไม่ต้องถามว่า ป.ป.ท. จะกล้าหรือไม่กล้าทำคดี ซึ่งขณะนี้คาดว่าผู้ที่จะได้รับโทษในระดับข้าราชการระดับสูงทั้งที่เกษียณและดำรงตำแหน่งอยู่มีประมาณ 20 คน โดยมูลค่าความเสียหายมีจำนวนมากมหาศาล
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวว่า ตอนนี้เราได้มีการประสานงานกับทุกหน่วย ตนจึงมาดำเนินการกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งตนได้ข้อมูลในการกระทำความผิด แผนประทุษกรรมต่างๆมาแล้ว และได้มีการทำงานมาในระยะหนึ่งได้ข้อเท็จจริงที่เชื่อว่าการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง ซึ่งจะมีการดำเนินการกับกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรก และจะขยายผลอย่างต่อเนื่อง และจะมีการลงไปสอบพยานต่างๆที่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในรูปคดีขอยังไม่เปิดเผย แต่การดำเนินการ เดินไปได้ไกลแล้ว และจะพยายามเอาข้อเท็จจริงทั้งหมดมาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โดยความผิดเบื้องต้นในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐจะเข้าข่าย ม.157 แต่หากเป็นคนปกติทั่วไป จะเข้าข่ายความผิดอะไรนั้นต้องพิจารณาเป็นคนๆไป