ชุลมุนหน้าโรงพัก! หนุ่มวัย 22 รับเคราะห์ ถูกจ้วงแทงดับ หลังญาติไปทวงหนี้ 3,000 บาท ญาติผู้ตายโวยมือมีดฟันแขนตัวเองเพื่อให้กู้ภัยนำส่ง รพ. และฝั่งผู้ตายถูกแจ้งข้อหาด้วย

วันที่ 6 มีนาคม 2568 เมื่อเวลาประมาณ 20:00 น. วานนี้ (5 มี.ค.) พนักงานสอบสวน สน. พญาไท เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู รับแจ้งเหตุชายถูกแทงได้รับบาดเจ็บภายในชุมชนวัดมักกะสัน แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม. เจ้าหน้าที่จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบนายชาคริต อายุ 22 ปี นอนจมกองเลือด ถูกอาวุธมีดแทง 3 แผล ที่หน้าอก 2 แผล และบริเวณหลัง 1 แผล กู้ชีพพระมงกุฎได้ทำ cpr และนำส่ง รพ.บำรุงราษฎร์ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ต่อมาเวลา 00.07 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ยัง สน.พญาไท ได้พูดคุยกับ นายอภิวัฒน์ อายุ 25 ปี พี่ชาย นายชาคริต อายุ 22 ผู้ตาย เล่าว่า พี่ชายของผู้เสียชีวิตได้ไปทวงเงินทางฝั่งผู้ก่อเหตุที่ยืมแม่ไป 3,000 บาท แต่ไม่ได้ จากนั้นช่วงหัวค่ำได้เดินผ่านไปกับน้องชายซึ่งเป็นผู้ตาย เมื่อเดินไปถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุเห็นว่าผู้ตายพกมีด ฝั่งผู้ก่อเหตุจึงใช้กระบองทำร้ายพี่ชาย ก่อนที่จะมีคนวิ่งมาแทงน้องชายของตน ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นหลานของคนที่จะไปทวงหนี้ จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้วิ่งหนีใช้มีดฟันแขนตัวเองเพื่อที่จะให้กู้ภัยไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งตนเห็นจากกล้องวงจรปิดที่มือถือตำรวจ โดยน้องชายของตนจะพกมีดเป็นประจำ เนื่องจากทำงานส่งพัสดุต้องใช้มีดเพื่อตัดสิ่งของ หลังจากนั้นตำรวจได้นำตัวผู้เกี่ยวข้องมายัง สน. และตนได้ยินว่าฝั่งตนจะถูกข้อหาบุกรุก ซึ่งตรงนั้นเป็นทางเดิน ตนจึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หวั่นรูปคดีจะเข้าข้างฝั่งผู้ก่อเหตุ

เบื้องต้น ตำรวจ สน.พญาไท ได้นำตัวผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 คน คือ 1. นายอนุรักษ์ 2. นายนิพล 3. นายภาณุพงศ์ มาสอบสวนที่ สน.พญาไท ก่อนแจ้งข้อหาเบื้องต้นในข้อหาร่วมกันชุลมุนต่อสู้ไว้ก่อน

ทำให้ฝั่งญาติผู้ตายไม่พอใจ ซึ่ง 1 ใน 3 คนที่ถูกแจ้งความชุลมุนต่อสู้ เป็นฝั่งผู้ตาย คือ นายภาณุพงศ์ ญาติจึงได้ตะโกนโวยวายชุลมุนกันอยู่ภายหน้าโรงพัก โดยทางฝั่งญาติผู้ตายยังคาใจว่า ทำไมผู้ก่อเหตุมือแทงที่ถูกมีดบาดนิ้ว ทราบชื่อ คือ นายสิทธิวิทย์ หรืออ๋อ ซึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตั้งนานและยังกลับมายัง สน. แต่ฝั่งผู้ตายกลับต้องถูกขังในโรงพักในข้อหาดังกล่าว

ต่อมาตำรวจได้อธิบายให้เข้าใจว่าเนื่องจากฝั่งผู้ตายอยู่ สน. กันเยอะ ทำให้ตำรวจต้องกันไว้ จึงยังไม่นำตัวมายัง สน. เมื่อเข้าใจกันแล้วญาติจึงแยกย้ายกลับ