ปู่แทบช็อก! กลับบ้านมาเจอ ย่ากับหลานชาย 6 ขวบเป็นศพ ถูกผนังคอนกรีตล้มทับขณะพาหลานอาบน้ำหลังเลิกเรียน ตำรวจตรวจพบผนังไม่ได้ยึดกับเสา
วันที่ 6 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุผนังคอนกรีตบ้านเก่าอายุกว่า 30 ปี ล้มทับคนเสียชีวิตในบ้านพัก หมู่ 5 บ้านโนนสว่าง ตำบลนามะเฟือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปลูกสร้างอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนบ้านหนองศาลา โดยเป็นบ้านชั้นเดียวก่ออิฐถือปูนหลังใหญ่ ที่เกิดเหตุเป็นลานซักล้างด้านหลังบ้าน ซึ่งมุงหลังคาครึ่งเดียว ผนังบ้านขนาดกว้าง 2 เมตร สูงประมาณ 2.50 เมตร หนักหลายร้อยกิโล ล้มเข้าไปภายในบ้านทับย่ากับหลานชายวัย 6 ขวบ
นายประเสริฐ อายุ 65 ปี เล่าให้ฟังว่า เวลาประมาณ 15:40 น ตนกลับมาจากทำธุระที่อำเภอ เดินเข้าไปในบ้านก็แทบช็อก เพราะพบว่าที่หลังครัวซึ่งทำเป็นลานกว้างสำหรับเป็นที่ซักล้างและตากผ้า พบร่างของนางดวงใจ อายุ 63 ปี ภรรยา ถูกทับอยู่ใต้ผนังคอนกรีต โผล่แต่ศีรษะกับช่วงไหล่ออกมานิดหน่อย ตนตกใจ รีบวิ่งไปร้องให้คนช่วย น้องชายซึ่งเป็นภารโรงอยู่ที่โรงเรียนบ้านหนองศาลาฝั่งตรงข้ามวิ่งมากับเพื่อนบ้านคนหนึ่ง จึงช่วยกันยกกำแพงเผยอขึ้น ตนจึงดึงร่างของนางดวงใจภรรยาออกมาจากใต้ผนัง พบว่าสิ้นใจแล้ว
ต่อมา ลูกชายของตนซึ่งไม่ทราบว่ารู้เรื่องมาจากไหน วิ่งตะบึงกลับเข้ามาที่บ้าน แล้วตะโกนขึ้นร้องหาลูกชายซึ่งเป็นหลานของตน ว่าน่าจะอยู่กับย่าด้วย พวกตนจึงช่วยกันไปยกผนังคอนกรีตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก็พบว่า เด็กชาย วัย 6 ขวบซึ่งเป็นหลานชาย ก็ถูกผนังบ้านทับอยู่ในกะละมัง ซึ่งคาดว่าจะใช้ใส่น้ำสำหรับอาบ แน่นิ่งอยู่ จึงช่วยกันดึงร่างออกมา ก่อนที่จะรีบโทรแจ้ง 1669 ขอความช่วยเหลือให้รถกู้ชีพ มาเร่ง ช่วยเหลือ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตรวจพบชีพจรเบาบาง จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลหนองบัวลำภู ยังไม่ทราบอาการ นายประเสริฐ ยังเล่าต่อว่า คาดว่าสาเหตุที่กำแพงล้มทับ เนื่องจากผนังบ้านสภาพไม่ค่อยดีนัก เพราะสร้างมากว่า 30 ปีแล้ว ประกอบกับช่วงนี้มีการขยายถนนเป็นทาง 8 เลน ซึ่งมีรถจักรกลขนาดหนักทำงานอยู่หน้าบ้านของตน คาดว่าแรงสั่นสะเทือนจะทำให้ผนัง ร้าวมากกว่าเดิม นึกไม่ถึงว่าจะ ล้มทับลงมาจนทำให้ภรรยาเสียชีวิต โดยตนสงสัยว่า อาจจะเกิดจากการที่ กำแพงมีราวตากผ้าผูกติดอยู่ แล้ววันนี้ภรรยาซักผ้าจึงเอาผ้าไปตากที่ราวตากผ้าเส้นนี้จำนวนมาก จึงทำให้หนักจนล้มทับลงมาก็เป็นได้ เพราะเมื่อมาพบศพทีแรก มี ผ้าติดอยู่ที่ราวจำนวนมากที่ตกลงมาพร้อมกับผนังปูน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นของตำรวจ สภ.เมืองหนองบัวลำภู พบว่า ตัวผนังที่ล้มตั้งอยู่บนคานโดยมีปูนซีเมนต์ยึดติดกับคานและเสาแค่เล็กน้อย ไม่มีเหล็กเส้นเจาะติดเสาแม้แต่เส้นเดียว
ต่อมา ลูกชายของนายประเสริฐ ซึ่งตามไปดูอาการของลูกชายที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่า ลูกชายที่ถูกผนังทับพร้อมย่านั้นได้เสียชีวิตแล้ว ทำให้ญาติพี่น้องที่นั่งเฝ้าศพของนางดวงใจอยู่พากันร้องไห้โฮขึ้นมาด้วยความเสียใจ
นายสุชาติ น้องชายของนางดวงใจ เล่าให้ฟังว่า ตนเป็นภารโรงอยู่ที่โรงเรียน ได้ยินเสียงพี่เขยร้องโวยวายตนจึงรีบวิ่งมาที่บ้าน ก็พบว่าพี่สาวถูกผนังบ้านที่เป็นคอนกรีตหนักหลายร้อยกิโลกรัมทับจนเสียชีวิต โดยปกติลูกชายของพี่สาวจะอยู่ที่บ้านแฟนซึ่งห่างจากบ้านของพี่สาวและพี่เขยของตนกว่า 500 เมตร แต่เนื่องจากลูกชายของพี่สาวทำงานที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวอำเภอ จึงให้แม่ซึ่งเป็นพี่สาวของตนไปรับเวลาเลิกเรียนเป็นประจำทุกวัน โดยพี่สาวของตนจะไปรับหลานที่อยู่โรงเรียนบ้านหนองศาลาตรงข้ามบ้าน ตอนเลิกเรียนแล้วพามาอาบน้ำ ก่อนจะให้ทำการบ้านรอจนกว่าพ่อแม่จะมารับตอนเย็นเป็นประจำทุกวัน ซึ่งพี่สาวก็รักหลานชายคนโตคนนี้มาก
ทั้งยังเล่าว่า วันนี้โรงเรียนปล่อยเด็กชั้นอนุบาลตั้งแต่เวลา 14:00 น. ซึ่งพี่สาวก็จะไปรับหลานข้ามถนนกลับมาบ้านตามปกติ คาดว่าเมื่อมาถึงบ้านก็จะพาหลานชายไปอาบน้ำเนื่องจากอากาศร้อน น่าจะเกิดเหตุช่วง 14.00 น. - 15.40 น.
นายธนัช พี่ชายของนางดวงใจ เล่าให้ฟังว่า สัปดาห์ที่แล้ว ช่วงเวลาประมาณ 9 โมงเสร็จ ตนมีอาการแปลกๆ อยู่ในบ้านได้ยินเสียงคน มาเรียกอยู่หน้าบ้าน 3 วันติดต่อกัน แต่เมื่อเดินออกมาดูก็ไม่เห็นใครเลย ขณะเดียวกันเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา นางสีดาภรรยาของตน ได้เล่าให้ตนฟังว่า ในฝัน เห็นนางดวงใจมาหา พร้อมกับถามว่า ที่ปวดฟันนั้นไปถอนแล้วยัง นางสีดาจึงตอบนางดวงใจ น้องสามีว่า ไม่ได้ไปถอนมันหล่นออกเอง ซึ่งความเชื่อตรงนี้ที่ว่า ฟันหักฟันร่วง มักจะมีเหตุต้องเสียญาติสนิทหรือผู้ใหญ่ในบ้าน ตนไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นกับครอบครัวของน้องเขยและน้องสาว
ต่อมา เแพทย์เวรจากโรงพยาบาลหนองบัวลำภู มาชันสูตรพลิกศพร่วมกับทางตำรวจ ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปตรวจสอบตรงบริเวณที่รับแจ้งว่า มีลวดใช้เป็นราวตากผ้าก็พบว่า ลวดเส้นดังกล่าวผูกติดกับเหล็กที่ยึดกับผนังที่ล้มลงมาอยู่จริงๆ ซึ่งคาดว่า อาจจะเกิดจากสาเหตุที่นางดวงใจพยายามจะดึงผ้าที่วางอยู่บนราวตากผ้าเพื่อนำมาเช็ดตัวให้หลานหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ แต่เนื่องจากผ้าที่พาดอยู่ไม่หลุดร่วงลงมาตามแรงดึง นางดวงใจจึงอาจจะใช้แรงมากขึ้นเพื่อดึง แต่เนื่องจากอยู่ในท่านั่ง ตามสภาพที่พบศพทีแรก จึงเป็นไปได้ว่า นางดวงใจใช้แรงดึงผ้าอย่างแรงจนเป็นเหตุให้กำแพงบ้านซึ่งมีรอยปูนติดอยู่แค่นิดเดียว แต่ที่ทรงตัวอยู่ได้เนื่องจากน้ำหนักของผนังสมดุลกับคานล่างพอดี จึงไม่ได้ล้มลงตั้งแต่ทีแรก จนเมื่อนางดวงใจใช้มือดึงผ้าออกจากราวตากผ้า จึงเป็นเหตุให้ราวตากผ้าดึงผนังล้มเข้ามาในบ้านจนทับตนเองและหลานชายจนเสียชีวิตดังกล่าว
หลังจากเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ญาติไม่ติดใจสาเหตุการตายจึงมอบศพให้กับญาติเพื่อบำเพ็ญกุศลต่อไป โดยญาติเล่าว่า คาดว่าจะนำศพเด็กชายจากโรงพยาบาลหนองบัวลำภูมาวางตั้งศพคู่กันที่บ้านที่เกิดเหตุดังกล่าว ไม่อยากให้แยกจากกันเนื่องจากนางดวงใจรักหลานชายคนนี้มาก ประกอบกับ ถ้าหากแยกศพไปบำเพ็ญกุศลก็จะเป็นการยุ่งยาก ให้ญาติต้องแยกกันไปงาน 2 ที่ จึงจะปรึกษากันว่าหลังจากเจ้าหน้าที่ไปชันสูตรศพที่โรงพยาบาลเสร็จแล้ว ก็จะรับศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านหลังนี้ต่อไป