นักอาชญาวิทยา แนะ สืบจาก "ศพ" ไขกังขาปมดับ อดีตผู้กำกับโจ้ หาตัว "มัจจุราช" ตัวจริง

จากกรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องขังในคดีใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหายาเสพติดจนเสียชีวิต ได้จบชีวิตในเรือนจำ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมาวันที่ 8 มี.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามรศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล หรือ "อาจารย์โต้ง" นักอาชญาวิทยา ให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีดังกล่าวถึงกรณีการใช้ผ้าขนหนูขนาดความยาว 30-40 ซม. ผูกคอเสียชีวิตในเรือนจำ

โดยรศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ เผยว่า มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้ผ้าขนหนูในการผูกคอเสียชีวิต เพราะปกติการฆ่าตัวตายลักษณะการใช้ผ้ารัดก็เคยมีอยู่บ้างที่ผ่านมา ซึ่งก็ต้องดูว่าตำแหน่งที่ผูกอยู่ตรงไหน และปมที่ผูกอยู่ตรงไหน และต้องดูขนาดลำคอของอดีตผู้กำกับโจ้ด้วยว่ามีขนาดเท่าไหร่

สำหรับกรณีก่อนที่อดีตผู้กำกับโจ้จะเสียชีวิต ยังพูดคุยกับภรรยาตามปกติ ตกดึกมากลับปลิดชีพตัวเองนั้น รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ เผยว่า นี่เป็นหนึ่งในข้อสังเกตเนื่องจากปกติคนฆ่าตัวตาย มักจะพูดเปรยกับคนใกล้ชิดว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ เบื่อหน่าย แต่ในเมื่อไปพบกับคนใกล้ชิดแล้วไม่พูดถึงอาการแบบนี้ แล้วตกดึกมาฆ่าตัวตาย ก็อาจเป็นคำถามได้ว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือเป็นการฆ่าฆาตกรรม ที่สำคัญคืออดีตผู้กับโจ้ มีเรื่องการร้องเรียนการทำร้ายร่างกายมาก่อน โดยประเด็นนี้ต้องมีการไปตรวจสอบว่าเรื่องที่ร้องเรียนไปได้รับการแก้ไขหรือไม่ และมีการเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด

สำหรับการจำคุกของอดีตผู้กำกับโจ้ ที่จำคุกมาแล้วกว่า 3 ปี แต่ทำไมเพิ่งมีพฤติกรรมการฆ่าตัวตายนั้น รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ เผยว่า โดยปกติคนเราจะมีความเครียดมากในช่วงปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ ดังนั้นการติดคุกในช่วงแรกของอดีตผู้กำกับโจ้ต้องมีความเครียด และเป็นช่วงของการปรับตัว แต่สำหรับการติดคุกมาแล้ว 3 ปี คงมีการปรับตัวแล้ว ดังนั้นต้องดูต่อว่าอดีตผู้กำกับกับโจ้มีอาการทางสมอง ทางจิตเวช ที่ทำให้เกิดความเครียดได้หรือไม่ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากประวัติการรักษา

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปได้หรือไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากการที่ยื่นเรื่องร้องเรียนไปว่าถูกทำร้ายร่างกาย แต่กลับไม่มีความคืบหน้า รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ เผยว่า ประเด็นนี้ต้องตรวจสอบก่อน เพราะปกติเวลาคนเราไปร้องเรียน หากไม่ได้รับการตรวจสอบ ผู้ร้องต้องรู้สึกว่าควรร้องเรียนต่อไป เพื่อให้เกิดการตรวจสอบ ยิ่งอยู่ในสถานที่ปิด การถูกทำร้ายร่างกายหรือการถูกกลั่นแกล้ง ยิ่งต้องร้องเรียนผ่านคนใกล้ชิดเพื่อให้ปัญหาลดน้อยลง ซึ่งเรามักจะไม่พบว่าเวลาร้องเรียนแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรมถึงขั้นจบชีวิตตัวเอง ซึ่งมันอาจจะมีบ้าง แต่มันก็ต้องมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ส่วนกรณีการถูกคุมขังเดี่ยว ต้องมีปัจจัย เช่น ตัวผู้ต้องขังมีปัญหา เกเร มีเรื่องกับนักโทษคนอื่น อาจทำให้ถูกคุมขังเดี่ยวได้ หรือกรณีที่ผู้ต้องขังเรียกร้องว่าถูกกลั่นแกล้ง ถูกทำร้ายร่างกาย โดยเฉพาะการเป็นนายตำรวจ เมื่อเข้าไปในเรือนจำแล้วพบว่ามีผู้ต้องขังรายอื่นที่ถูกจับกุมโดยนายตำรวจท่านนี้ ก็สามารถร้องขอคุมขังเดี่ยวได้ แต่ใช่ว่าจะทำได้ทุกคนเพราะสถานที่มีจำกัด ปกติการร้องขอคุมขังเดี่ยว ต้องไปดูในระเบียบว่าต้องทำบันทึก หรือขอแบบปากเปล่าได้ และต้องอนุมัติโดยใคร เชื่อว่าต้องเป็นระดับผู้บังคับบัญชาในการอนุญาตให้คุมขังเดี่ยว นอกจากนี้ต้องไปดูหลักฐานตามที่กล่าวอ้างว่า แท้จริงแล้วมีเอกสารที่ให้อดีตผู้กำกับโจ้คุมขังเดี่ยวหรือไม่ เนื่องจากกรณีนี้การให้ข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ และทนายความขัดแย้งกัน

ส่วนการคุมขังผู้ป่วยจิตเวชนั้น จิตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญต้องเป็นผู้วินิจฉัย ประเมินว่ามีอาการอย่างไร ให้ยาและติดตามอาการอย่างต่อเนื่องหรือไม่ โดยเฉพาะการเป็นผู้ป่วยจิตเวชจะต้องมีผู้คุมคอยดูแล แตกต่างกับผู้ต้องขังทั่วไป เราก็ต้องมาดูกันต่อไปว่าทางเรือนจำได้มีการปฏิบัติอย่างไร โดยปกติแล้วผู้ต้องขังจิตเวชต้องได้รับยา และได้รับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ หากสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อผู้ต้องขังให้มีความเครียด วิตกกังวลกังวล ป่วยซึมเศร้า จนนำไปสู่การฆ่าตัวตาย ก็อาจมีความเป็นไปได้ ดังนั้นต้องไปตรวจสอบดูว่ากรณีดังกล่าวมีเจตนาให้เกิดขึ้นในเรือนจำหรือไม่

ส่วนอดีตผู้กำกับโจ้ ก็ต้องไปดูด้วยเช่นกันว่ามีอาการทางจิตเวชมากน้อยเพียงใด หากมีความเครียดเพิ่มขึ้นจากการถูกยึดเอกสาร หรือการโดนยึดพัดลมที่ขอไปเพราะมีโรคประจำตัว ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเครียดและความกดดันได้ ประกอบกับหากโดนทำร้ายก็ยิ่งเพิ่มความเครียดอีก

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ มองว่าเป็นการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ และเสียชีวิตจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ หมายความว่าควบคุมอย่างไรทำไมปล่อยให้มีคนตาย นอกจากนี้ยังมีการร้องเรียนมาก่อนว่าอดีตผู้กับโจ้ถูกทำร้าย โดยกรมราชทัณฑ์ก่อตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว ผลเป็นอย่างไรต้องดูในกรณีนี้ด้วย

ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกที่อดีตผู้กำกับโจ้กระทำความผิดตอนอยู่ข้างนอก การไปฆ่าคนตายก็ว่าไป ซึ่งเป็นการกระทำความผิดที่ต้องได้รับโทษ กับส่วนที่สอง ในเมื่อเข้ามารับโทษที่เรือนจำ ต้องปฏิบัติในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่ว่ารัฐต้องไปละเมิดซ้ำ หรืออาจมีช่องว่างให้เจ้าหน้าที่ ผู้ต้องขังด้วยกันใคร ทำให้ตายก็ถือว่าไม่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ว่าเสียชีวิตได้อย่างไร และถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะตายไปแล้ว แต่ยังมีพยานแวดล้อมโดยรอบ การตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็น DNA จากผ้าขนหนู รอยเท้า รวมถึงกล้องวงจรปิดจับภาพบริเวณหน้าห้อง ส่วนการไม่มีกล้องวงจรปิดภายในห้องผู้ถูกคุมขัง ก็ต้องไปดูระเบียบของกรมราชทัณฑ์ว่าเป็นอย่างไร

สำหรับกระแสสังคมส่วนใหญ่ตอนนี้วิพากษ์วิจารณ์ว่าการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ อาจไม่ได้เป็นการเสียชีวิตจริง รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ เผยว่า คนเรามีความเห็นแตกต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็ต้องได้รับการพิสูจน์บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ และข้อเท็จจริง ซึ่งมันก็สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ หรือการตรวจดีเอ็นเอว่าใช่หรือไม่ โดยกรณีนี้ ตนมองว่าเป็นไปไม่ได้ว่าผู้เสียชีวิตไม่ใช่อดีตผู้กำกับโจ้

นักอาชญาวิทยา แนะ สืบจาก "ศพ" ไขกังขาปมดับ อดีตผู้กำกับโจ้ หาตัว "มัจจุราช" ตัวจริง