ผลชันสูตร "ผกก.โจ้" เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ เบื้องต้นพบกระทำด้วยตัวเอง ครอบครัวขอนำศพชันสูตรซ้ำอีกโรงพยาบาล
ผลชันสูตร “ผกก.โจ้” เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ
หลังจากแพทย์นิติเวชจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ผ่าชันสูตรร่างของพันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “ผู้กำกับโจ้” ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเสร็จสิ้น
ต่อมา ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ลงมาเปิดเผยว่า การชันสูตรพลิกศพวันนี้มีผู้สังเกตการณ์ ได้แก่ ตัวแทนของญาติ ตัวแทนของตำรวจ และตัวแทนของคณะกรรมการชันสูตร 4 ฝ่าย ทั้งฝ่ายปกครอง , อัยการ และคณะกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
โดยการผ่าชันสูตรศพ เรื่องของการเสียชีวิต เท่าที่ได้ตรวจเบื้องต้น ให้น้ำหนักไปที่ การผูกคอเสียตาย เพราะเรื่องการถูกทำร้ายอื่นๆ เราไม่พบบาดแผลและร่องรอยอื่นๆ จะมีเพียงรอยแผลฟกช้ำบริเวณสะโพกและหลังที่เป็นรอยช้ำเก่า โดยจะมีการตรวจเพิ่มเติมของเนื้อเยื่ออีกครั้งว่าระยะเวลาของการบาดเจ็บเกิดขึ้นช่วงเวลาใด
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการ “ขาดอากาศหายใจจากการผูกคอ” และเท่าที่ดูให้น้ำหนักเกิดจากการกระทำด้วยตัวเอง เพราะ ลักษณะของแรงที่เกิดขึ้นไม่พบรอยช้ำของเนื้อเยื่อใต้ลำคอ ใต้รอยรัด และไม่พบการช้ำของกล้ามเนื้อลำคอ ไม่พบการบาดเจ็บของกระดูกกล่องเสียง จึงให้เหตุผลว่าแรงที่มากระทำไม่เยอะมาก พอแรงที่มากระทำไม่เยอะมาก เข้าได้กับการที่ผูกคอเสียชีวิต ไม่ใช่จากการรัดคอ
ส่วนผ้าขนหนู ตัวเองไม่เห็น แต่รอยแผลเข้าได้กับลักษณะของผ้า เพราะลักษณะความกว้าง กว้างกว่ารอยเชือก โดยมีความกว้างประมาณ 1.4 เซนติเมตร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์วรวีร์ ยังบอกถึงกรณีที่ญาติสงสัยเลือดที่ออกบริเวณพื้นในขณะที่เข้าไปดูการชันสูตรที่เรือนจำฯ ว่า เลือดที่ออกดังกล่าว จากการสอบถามคณะแพทย์ที่ชันสูตร สงสัยได้ว่าเลือดจะออกมาจากการเสียชีวิต อาจจะมีของเหลวในร่างกายออกมาคล้ายเลือดหลังเกิดการเสียชีวิต อาจจะออกทางปากหรือทางบริเวณอื่น หรือจากบาดแผล มีพบลักษณะแผลถลอกที่แขน โดยทางสำนักงานพิสูจน์หลักฐานได้เก็บของเหลวดังกล่าวไปตรวจสอบแล้ว จะต้องรอผลการวิเคราะห์ว่าของเหลวดังกล่าว เป็นเลือดหรือของเหลวที่ไหลออกมาหลังการเสียชีวิตหรือไม่
ส่วนแผลถลอก ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร แต่จากการสอบเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เห็นตั้งแต่ช่วงที่ไปชันสูตรศพ อาจจะเกิดขึ้นช่วงที่มีการนำร่างออกมาและอาจจะไปครูดกับของแข็งบางอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่เจอตั้งแต่ชันสูตรที่เกิดเหตุ เป็นแผลเพิ่งเกิดใหม่
ส่วนเนื้อเยื่อที่เล็บและจุดอื่นๆ ต้องใช้เวลาในห้องปฏิบัติการทำการตรวจสอบ รวมถึงจะต้องตรวจสอบสารพิษต่างๆ สารต่างๆ ในร่างกายด้วย และเท่าที่ตรวจสอบดู ยังไม่พบเป็นเม็ด
ทั้งนี้จะต้องทำการตรวจสอบเลือด-ปัสสาวะในห้องปฏิบัติการก่อน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ และผลชันสูตรละเอียดจะต้องรอผลประมาณ 2-4 สัปดาห์เช่นกัน
ทั้งนี้ก่อนเริ่มกระบวนการผ่าชันสูตร ได้พูดคุยกับทางญาติว่ามีประเด็นตรงไหนบ้างที่ติดใจสงสัย เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม โดยทางทางญาติสงสัยที่บริเวณกระดูกชายโครง จึงได้ทำการตรวจโดยใช้เครื่องทีซีสแกน เพื่อจะดูว่าหากเป็นการบาดเจ็บในอดีตตามที่ญาติบอกว่าเกิดขึ้นประมาณ 2 เดือนแล้ว จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จึงต้องใช้เครื่องทีซีสแกนทำการตรวจ และอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ผล แล้วจะระบุไปในรายการผลการชันสูตรโดยละเอียด
ครอบครัว ส่งร่างชันสูตรซ้ำ อีก รพ. ให้สิ้นข้อสงสัย
ขณะที่นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความของ “ผู้กำกับโจ้” บอกว่า หลังจากนี้ทางครอบครัวจะส่งร่างของ “ผู้กำกับโจ้” ไปตรวจพิสูจน์ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์อีกรอบ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลของทั้ง 2 แห่ง โดยยืนยันว่าไม่ได้มีอะไรที่ขัดแย้งกันกับทางเจ้าหน้าที่ แต่เพื่อความสบายใจของทางครอบครัวเท่านั้น
ส่วนการผ่าชันสูตรพลิกศพของ “ผู้กำกับโจ้” วันนี้ เป็นที่น่าพอใจ เพราะทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอน แต่อย่างไรก็ตามต้องรอดูผลจากทางแพทย์และรายละเอียดต่างๆ อีกครั้ง เพื่อความชัดเจน
สำหรับผ้าขนหนูที่ทาง “ผู้กำกับโจ้” ใช้ก่อเหตุนั้น ทางครอบครัวยังเห็นไม่แน่ชัด เพราะเจ้าหน้าที่มีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเอาไว้
เมื่อถามว่าตอนนี้ทางครอบครัวยังติดใจสาเหตุการตายของ “ผู้กำกับโจ้” อยู่หรือไม่ นายวีรศักดิ์ บอกว่า ก็ต้องดูข้อเท็จจริงในส่วนของพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ ซึ่งเราก็ต้องรวบรวมข้อมูลก่อน
เช่นเดียวกับที่ สน.ประชาชื่น ในทางคดี นายวีรศักดิ์ ย้ำว่า ก็ต้องรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงก่อนเช่นกัน และให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมตอบว่ารายละเอียดเป็นแบบไหน อย่างไรบ้าง เราจึงจะดำเนินการต่อได้ เพราะเราก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้วว่าทางญาติติดใจสาเหตุการเสียชีวิต
เมื่อถามถึงแรงจูงใจนั้น นายวีรศักดิ์ ตอบว่า ก็ต้องรอดูแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ก่อน แต่ก็ยอมรับว่าทางครอบครัวยังติดใจอยู่ โดยเฉพาะเรื่องมูลเหตุและแรงจูงใจ พร้อมยืนยันว่าการส่งศพชันสูตรในรอบที่ 2 เป็นการเปรียบเทียบข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องติดใจ แต่เพื่อเป็นการให้สิ้นข้อสงสัยเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่ “ผู้กำกับโจ้” ถูกขังเดี่ยวนั้น ยืนยันตามเดิมว่า เจ้าตัวไม่ได้สมัครใจจะขังเดียว เพราะเขาแจ้งกับทางญาติและทางทนายมาตลอดว่าอยากออกจากขังเดียว เขาไม่ได้เป็นคนขอ ซึ่งการถูกขังเดี่ยวคล้ายกับถูกทำโทษ โดยผู้กำกับโจ้ ถูกขังมาเป็นเวลา 2 เดือนกว่าแล้ว และยังไม่มีการสอบวินัย หลังที่เจ้าตัวถูกทำร้ายและทางญาติได้ไปแจ้งความ แต่ถูกแยกควบคุมก่อน
ส่วนคลิปวงจรปิดที่ทางกรมราชทัณฑ์เผยแพร่ออกมาเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ทางครอบครัวได้เห็นแล้ว แต่ได้เห็นเป็นช่วงๆ ซึ่งทางครอบครัวอยากให้มีการตรวจสอบของทั้งวันที่เกิดเหตุ ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ และอยากให้มีดิจิทัลฟุตปริ้นต์ออกมาดู เพราะในวันเดียวกันที่ได้เข้าไปเยี่ยมผู้กำกับโจ้ ก็ยังมีท่าทีปกติ
เมื่อถามว่าหลังเกิดเรื่องผู้คุมที่เป็นคู่กรณีได้ติดต่อมาบ้างหรือไม่ นายวีรศักดิ์ ระบุว่า ยังไม่ได้เจอผู้คุมคู่กรณีเลย เพราะเป็นเรื่องภายในและเห็นว่าอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ จึงขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งเราไม่ได้เน้นย้ำอะไร
ไขคำตอบขนาดผ้าขนหนู
ด้านนายรัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนกลางสอบสวนคดีอาญา กรมการปกครอง ยังตอบถึงประเด็นช่วงที่เข้าไปสังเกตุการณ์ในห้องขังเดี่ยวที่เกิดเหตุว่า ตอนที่เข้าไปสังเกตการณ์ในห้องขัง ก็เห็นลักษณะผ้าที่ใช้ก่อเหตุเป็นผ้าขนหนูผืนเล็ก คล้ายกับผ้าขนหนูที่เอาไว้เช็ดผมตามโรงแรม ซึ่งในที่เกิดเหตุพบผ้าถูกตัดออกเป็น 2 ส่วน คาดว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์น่าจะใช้มีดตัด เพื่อช่วยเหลือผู้กำกับโจ้ เพราะชิ้นส่วนนึงยังผูกติดไว้กับลูกกรงตรงประตู ส่วนอีกชิ้นเป็นชิ้นผ้าที่ถูกตัดติดอยู่กับศพ ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บเอาไปตรวจสอบแล้วว่าเป็นองค์ประกอบที่จะทำให้ ผู้กำกับโจ้เสียชีวิตได้หรือไม่
เมื่อถามว่าผ้าขนหนูที่พบมีลักษณะถูกฉีกแล้วมัดผูกต่อๆ กันหรือไม่ นายรัฐวิช บอกว่า เห็นเป็นผ้าผืนเดียว ส่วนในห้องขังที่เกิดเหตุไม่พบวัตถุอื่นๆ นอกจากกล่องยา และของใช้ส่วนตัวเล็กน้อย