ผัวเก่าหึงโหด ตามง้อเมียไม่สำเร็จ ขี่ จยย. ประกบก่อนถีบล้มคว่ำ คว้ามีดจ้วงแทง 8 แผลดับ ก่อนใช้มีดเล่มเดียวกันแทงตัวเองไส้ไหลเจ็บสาหัส
วันที่ 18 มี.ค. 2568 มีรายงานว่า ช่วงเย็นวานนี้ (17 มี.ค.) ร.ต.อ.ยุทธนา รบนิกร รอง สว.สอบสวน สภ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี รับแจ้งมีเหตุแทงกันตายและบาดเจ็บ ที่ริมถนนสายบ้านบ่อยาง-บ้านน้ำคุ้ง หมู่ 1 ต.หนองโสน อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี จึงรายงานให้ พ.ต.อ.สิทธิพงศ์ สังข์แสง ผกก.สภ.เลาขวัญ ทราบและรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.วีรยุทธ อวมประเสริฐ รอง ผกก.สอบสวน สภ.เลาขวัญ อาสามูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ จุดเลาขวัญ แพทย์เวร รพ.เลาขวัญ ร่วมตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุเป็นถนนสองเลนแบบสวนกันเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน พบรถจักรยานยนต์ สีแดง กับรถจักรยานยนต์ สีดำขาว ล้มตะแคงอยู่บนถนน มีแพ็กน้ำอัดลมมีอาหารมีขนมตกอยู่บนพื้นถนน และพบผู้เสียชีวิตนอนหงายอยู่ข้างถนน ถูกมีดแทงหลายแผลมีเลือดไหลทั้งตัว ทราบชื่อคือ น.ส.เนตรดา อายุ 42 ปี ส่วนอีกรายนอนหงายหายใจรวยริน ถูกแทงที่ท้องหลายแผลไส้ไหลออกมา ทราบชื่อคือ นายณรงค์ฤทธิ์ อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ จุดเลาขวัญ ทำการปฐมพยาบาลก่อนนำตัวส่ง รพ.เลาขวัญ อาการสาหัสนำส่งรักษาตัวต่อ รพ.พหลพลพยุหเสนา เบื้องต้นอาการปลอดภัย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวในระหว่างรักษาตัว
ระหว่างนั้นแพทย์เวร รพ.เลาขวัญ และตำรวจพิสูจน์หลักฐานกาญจนบุรี มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ จุดเลาขวัญ ร่วมชันสูตรพลิกศพ น.ส.เนตรดาว พบว่าถูกมีดแทงทั้งตัว 8 แผล ถูกจุดสำคัญเสียเลือดมาก จึงให้นำส่งชันสูตรที่ รพ.ศูนย์ราชบุรี ส่วนในที่เกิดเหตุพบมีดปลายแหลมยาวประมาณ 6 นิ้ว ปลอกทองเหลืองด้ามไม้ ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเคยเป็นสามีภรรยากัน มีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 12 ปี ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มากับเพื่อนร่วมงาน โดยมีผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบมาถึงที่เกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้ใช้เท้าถีบจนรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำ ก่อนที่จะลงไปใช้มีดปลายแหลมกระหน่ำแทง 8 ครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียชีวิตทันทีและใช้มีดเล่มเดียวกันแทงตัวเองอีกหลายครั้ง บาดเจ็บสาหัส
จากการสอบถามนางอโนทัย เพื่อนร่วมงาน ที่ขี่รถจักรยานยนต์มากับผู้ตาย เล่าว่า น.ส.เนตรดาว ผู้ตายเคยเป็นภรรยาของนายณรงค์ฤทธิ์ คนก่อเหตุอยู่ด้วยกันมา 15 ปี มีลูกชายด้วยกัน 1 คน แต่นายนรงค์ฤทธิ์เป็นคนเกเร ชอบเสพยา ไม่ค่อยช่วยทำงาน เคยถูกจับเรื่องเสพยามาแล้วและให้ผู้ตายทำงานเลี้ยงลูกคนเดียวตลอด ทำให้ผู้ตายขอเลิกแล้วหนีไปทำงานที่อื่น เลิกกันมาประมาณปีกว่า ๆ นายนรงค์ฤทธิ์พยายามตามง้อแต่ผู้ตายไม่ยอมคืนดีด้วย นายนรงค์ฤทธิ์ จึงคิดว่าผู้ตายมีคนอื่น
ช่วงหน้าตัดอ้อยผู้ตายได้กลับมาช่วยเถ้าแก่ตัดอ้อยจนเสร็จ นายนรงค์ฤทธิ์ รู้ว่าผู้ตายกลับมาอยู่บ้านเถ้าแก่ เพราะบ้านเถ้าแก่อยู่ใกล้กับบ้านนายนรงค์ฤทธิ์ จึงได้ไปตามง้อขอคืนดีอีกสองรอบ แต่ ผู้ตายก็ไม่ยอมคืนดีด้วย ซึ่งผู้ตายเป็นคนหน้าตาดี เมื่ออ้อยตัดเสร็จหมดแล้ว เถ้าแก่ไร่อ้อยใช้ไปซื้อของให้มาทำกินกันกับลูกน้องทั้งหมด จึงใช้ตนให้หาคนไปเป็นเพื่อน ตนจึงชวนผู้ตายไปซื้อของกินด้วยกัน
โดยตนเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์และผู้ตายซ้อนท้าย ซึ่งตอนขี่รถไปตลาดจะผ่านบ้านของนายณรงค์ฤทธิ์ ผู้ก่อเหตุ และตอนที่ตนและผู้ตายขี่รถกลับบ้านเถ้าแก่ นายณรงค์ฤทธิ์ได้ขี่รถตามมากวักมือเรียกให้จอด แต่ตนก็พยายามขี่รถหนี แต่นายณรงค์ฤทธิ์ขี่รถตามพยายามเรียกให้จอด บอกให้ผู้ตายไปเอารูปของแม่ ซึ่งแม่นั้นเสียชีวิตไปนานแล้วที่บ้านของนายณรงค์ฤทธิ์ แต่ตนไม่ยอมจอดรถคุยเพราะกลัวมีเรื่อง แต่นายณรงค์ฤทธิ์เห็นว่าไม่จอดรถแน่จึงใช้เท้าถีบรถจนเสียหลักล้ม
พอรถล้มก็กระโดดเข้ามาใข้มีดจ้วงแทงผู้ตายหลายครั้ง ซึ่งผู้ตายพยายามยื้อดึงมีดทิ้ง ส่วนตนลุกจากรถได้ก็มาช่วยผู้ตายแย่งมีด แต่ด้วยนายณรงค์ฤทธิ์เป็นผู้ชายร่างใหญ่ จึงไม่มีแรงสู้ จึงวิ่งไปขอความช่วยเหลือกับรถที่วิ่งผ่านไปมา ระหว่างนั้นนายณรงค์ฤทธิ์ก็ยังไม่หยุดแทง พอเห็นผู้ตายนิ่งไป นายณรงค์ฤทธิ์จึงเอามีดที่ก่อเหตุมาแทงตัวเองหลายครั้ง บริเวรท้องจนเห็นลำใส้ เพื่อจบชีวิตตาม
อย่างไรก็ตามต้องรอผลการสอบสวนของตำรวจและผลการชันสูตร และรอผลสอบปากคำผู้ก่อเหตุ จึงสามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป