"ไฮโซเมย์" น้ำตาตก มองให้ยืมทรัพย์สินกว่า 62 ล้าน เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ไม่โกรธไม่อาฆาต ขอแค่ได้ของคืน

วันที่ 19 มี.ค. 2568 นางสาววาสนา อินทะแสง หรือ “ไฮโซเมย์” เจ้าของธุรกิจเสริมความงาม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เปิดใจหลังออกรายการโหนกระแส กรณีถูกดาราสาวยืมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 62 ล้านบาท แต่ไม่คืน แถมนำไปจำนำต่อ ประกอบด้วย กระเป๋า 2 ใบ แอร์เมส รุ่นเคลลี่ สร้อย bvlgari สร้อยมรกต lotus arts de vivre ชิ้นเดียวในโลก และนาฬิการิชาร์ดมิลล์ รุ่น อาร์เอม 23

ไฮโซเมย์ กล่าวว่า ความรู้สึกทั้งหมดได้พูดไปในรายการแล้ว ซึ่งดาราสาว ก็ได้พูดไปในรายการทั้งหมดแล้วเช่นกัน แต่ความรู้สึกส่วนตัวถือว่าเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิต พร้อมกับได้หยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง และนำมือไปทาบอก พร้อมบอกอีกว่า "ได้พูดไปหมดแล้วจริง ๆ"

ก่อนจะพูดต่อว่า ฟางเส้นสุดท้าย คือ การให้คนยืมทรัพย์สินด้วยเจตนาด้วยมิตรภาพ ความสัมพันธ์ที่เป็นเหมือนเพื่อนพี่น้อง แต่เราได้รับกลับมาด้วยคำโกหก ทำให้เรารู้สึกเสียศักดิ์ศรี ทำให้รู้สึกว่า ต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง และแก้ไขสิทธิ์ของตัวเองที่ถูกดิสเครดิต จะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนา แต่ทั้งหมดได้เกิดขึ้นมาแล้ว เพราะตัวเองทำธุรกิจ และความน่าเชื่อถือคือสิ่งสำคัญมาก ตัวเองจึงยึดถือคำพูด และคำมั่นสัญญา ไม่ว่าจะเป็นลูกน้อง หรือทุกๆ คน รอบๆ ตัว ซึ่งถือเป็นเครดิตทางธุรกิจที่ทำให้ต้องออกมา เพราะรู้สึกว่า เสียเครดิตในการทำธุรกิจ

ไฮโซเมย์ กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมาไม่เคยออกมาพูด หรือโพสต์อะไรตามโซเชียลมีเดีย เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่เพียง แต่อยากได้ทรัพย์สินคืน เพราะว่า เป็นของที่รัก ซึ่งสิ่งที่ผ่านมาไม่อยากจะพูดว่าตัวเอง “โง่เขลา” แต่ว่ามันได้เคยเกิดขึ้นแล้ว ก็คงต้องโทษตัวเอง เพราะโทษใครไม่ได้ เพราะตัวเองเป็นคนให้ไปเอง และเขาก็ไม่ได้มาบังคับ โดยที่อยากจะช่วยเหลือเขา และตลอดระยะเวลา 6-7 เดือนที่ผ่านมาเราก็เชื่อเขาตลอดในสิ่งที่เขาพูด และไม่ว่า รุ่นพี่ที่นับถือจะออกมาเตือน ก็ยังจะเชื่อเขา

ไฮโซเมย์ ย้ำว่า สิ่งเดียวที่ตนเองอยากได้คือต้องการได้ทรัพย์สินคืน ยืนยันว่า ไม่โกรธ ไม่อาฆาต ไม่ดำเนินคดีก็ได้ แต่หากไม่ได้ทรัพย์สินคืน และต้องสู้ ก็จะสู้ให้ถึงที่สุด

ส่วนการพูดคุยทางโทรศัพท์ผ่านรายการ ทางออกดูเหมือนจะเป็นทิศทางที่ดี ซึ่งตนเองก็เห็นใจน้องเขา และทุกๆ ทุกครั้งที่ไม่เคยออกมาพูดอะไรเลย เพราะฟังเขามาโดยตลอด ซึ่งคำพูดที่รับฟังผ่านทางรายการ ไม่ได้พึงพอใจทั้งหมด แต่ถ้าได้ทรัพย์สินคืน และไม่ต้องไปนั่งจ่ายเงิน ถึงจะพอใจ แต่ถ้าเป็นข้อเสนออื่นจะไม่พอใจ

ส่วนเงินที่ดาราสาวนำไปทำอะไรนั้น ขอไม่ตอบ เพราะเจ้าตัวพูดไปในรายการหมดแล้ว ซึ่งช่วงหนึ่งที่ตนเองร้องไห้ผ่านในรายการ ต้องบอกว่า ความรู้สึกลึก ๆ ในใจ ดาราสาวคือ เพื่อน หากย้อนกลับไปช่วงที่ตนเองเติบโตในการทำงานสู้ชีวิตมาด้วยกัลยาณมิตรรอบ ๆ ตัว ตนเองให้ใจกับทุก ๆ คน ตีราคาความเป็นเพื่อนสูงมาก เพราะตนเองมีครอบครัวที่มีต้นทุนน้อย แล้วมาได้ไกลขนาดนี้ ซึ่งระหว่างช่วงที่ตัวเองเติบโตก็มีกัลยาณมิตรอยู่รอบตัวมาโดยตลอด ที่ไม่ได้มาจากญาติพี่น้อง แล้วพอเราให้ค่ากับสิ่งนี้ แต่กลับถูก “หักหลัง” หรือ คำพูดเหมือนหนังคนละม้วน ซึ่งตนเองรับไม่ได้

ไฮโซเมย์ ยังเปรียบเทียบตนเองว่า ตั้งแต่ทำธุรกิจมา ตัวเองไม่เคยพ่ายแพ้ในสนามธุรกิจเลย เพราะตัวเองทุ่มเทในการทำงานทุกอย่างมาโดยตลอด แต่มาแพ้สนามนี้แบบราบคาบ จนต้องมาจบกับคำว่า “โง่จัง”

ส่วนทรัพย์สินหลาย ๆ อย่าง เป็นรุ่นที่หาไม่ได้แล้วทำไมถึงยอมให้ยืม และบางอย่างก็เป็นชิ้นเดียวที่มีอยู่ในโลก จึงอยากจะได้แค่ของคืน เพราะมีมูลค่าทางจิตใจ และบางอย่างมีราคาสูงเกินราคาที่ซื้อมาในตอนแรกแล้ว ซึ่งสิ่งที่ตัวเองช็อค และได้รีสตอรี ในโซเชียลมีเดีย เพราะมารู้ว่าของ ถูกนำไปเร่ขายตั้งแต่แรก ซึ่งของบางชิ้นเก็บไว้ในห้องแอร์ ทะนุถนอมอย่างดี และบางชิ้นไม่เคยถูกนำไปใช้เลย แต่กลับถูกเร่ขายในตลาดมือ 2 จึงทำให้รู้สึกช็อกมาก

ส่วนความสัมพันธ์หลังจากนี้กับดาราสาว ขอยืนยันว่า ไม่โกรธแค้น ไม่โกรธเคือง ก่อนจะนิ่งไปสักพัก และตอบว่า “กลัวแล้ว”

ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่า มีของบางอย่างไปอยู่ในมือของรัฐมนตรีคนหนึ่งจะต้องมีการติดต่อไปหรือไม่นั้น ไฮโซเมย์ ระบุว่า ขอให้เป็นเรื่องของกฎหมาย ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดดาราสาวก็พูดไปในรายการแล้วว่า อะไรอยู่ที่ไหนบ้าง ซึ่งตอนนี้รู้มาแค่แน่ชัดเพียงหนึ่งรายการ อีกหนึ่งรายการยังไม่แน่ชัด

ส่วนทรัพย์สินไปอยู่ในมือของนักการเมือง หรือระดับรัฐมนตรี ยังไม่สามารถยืนยันได้ ซึ่งเป็นเพียงข้อมูลที่ทนายความได้มา โดยทนายเกรียงไกร อินทจันทร์ ได้กล่าวเสริมว่า เป็นการได้ข้อมูลมา แต่ยังไม่มีการยืนยันว่า เป็นใคร และตำแหน่งใด

ไฮโซเมย์ ยังย้ำว่า ทั้งหมดนี้คนที่ชื่อ “เมย์ วาสนา” ต้องการเพียงได้ของคืน ไม่ต้องการดอกเบี้ย แค่นำของมาคืน ทุกอย่างจบ จะไม่มีการดำเนินคดีใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าไม่ได้ก็จะสู้ให้ถึงที่สุด ส่วนเส้นตายคือ ขอให้ได้ของคืนเร็วที่สุด ก่อนทนายความจะย้ำว่า เส้นตายคือทุกวัน

ช่วงท้ายไฮโซเมย์ ย้ำที่ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากได้คุยกับดาราสาวยังรู้สึกสงสารหรือไม่ ไฮโซเมย์ บอกว่า ตนฟังเรื่องนี้มา 6-7 เดือนแล้ว และปฏิเสธว่า ดาราสาวเลิกกับสามีแล้วหรือยัง

ทั้งนี้ภายหลังการสัมภาษณ์มาดามเมย์นี่ พยายามเลี่ยงสื่อมวลชน ก่อนขึ้นรถหรูออกไปทันที

ขณะที่ สื่อมวลชนจึงพยายามสอบถาม นายเกรียงไกร อินทจันทร์ ทนายความ หรือทนายตั้ม โดยกล่าวว่า ตอนนี้พอจะสืบทราบได้ว่าทรัพย์สิน 1 ชิ้น อยู่ที่ใคร ส่วนเรื่องที่ดาราสาว บอกกลางรายการว่า ของอยู่ที่ใคร ตนเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง เพราะว่าที่ผ่านมาก็มีการบอกลักษณะแบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ให้ทรัพย์สินคืนสักที เชื่อว่า ตอนนี้ทรัพย์สินยังอยู่ในประเทศไทย และทางทนายทราบว่า อยู่กับใครบ้าง

ส่วนหลังจากที่ดาราสาวออกมาพูดนั้น มีเรื่องไหนบ้างที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทาง ด้านทนายบอกว่า ขณะนี้ทุกอย่างอยู่ในเรื่องของคดี ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ทางอีกฝ่ายพยายามจะขอข้อเสนอ เรื่องยอมรับสภาพหนี้ ไม่ได้ต้องการจะเปลี่ยนจากคดีอาญาเป็นคดีแพ่ง หรือให้มีการยอมความ แต่ ทางทนายก็จะต้องระมัดระวังไว้ก่อน กลัวว่า จะเปลี่ยนจากคดีอาญา เป็นคดีแพ่ง และอีกฝ่ายจะมาติดหนี้คุณเมย์แทน แต่ทางเราไม่ยอมเพราะไม่จำเป็นจะต้องควักเงินเพิ่ม 20 ล้าน เพื่อได้ของคืนมา เราแค่ต้องการของคืนเท่านั้น

เมื่อถามว่า มีผู้ใหญ่ทางการเมืองพยายามติดต่อมาอีกหรือไม่ ทนายได้ปฏิเสธเรื่องนี้ และผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “นายไผ่ ลิกค์ ได้ติดต่อมาหรือไม่” ทางทนายก็ไม่ได้ตอบ และเมื่อถามย้ำว่า เป็นตำแหน่งใหญ่กว่า ไผ่ ลิกค์หรือไม่ ทนายยิ้มก่อนที่จะขึ้นรถไป