องคมนตรีเป็นประธานเปิดการปฏิบัติการฝนหลวงบรรเทาความรุนแรงของการเกิดพายุลูกเห็บของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ภายใต้ความร่วมมือกับกองทัพอากาศ ประจำปี 2568
วันที่ 19 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 น. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง เป็นประธานเปิดการปฏิบัติการฝนหลวงบรรเทาความรุนแรงของการเกิดพายุลูกเห็บของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ภายใต้ความร่วมมือกับกองทัพอากาศ ประจำปี 2568 และประชุมติดตามการดำเนินงาน โดยมีนายราเชน ศิลปะรายะ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านปฏิบัติการ นายไพจิตร เค้ากล้า รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านบริหาร นายณฐพล วิถี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายศุภรัชต์ อินทราวุธ รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นาวาอากาศเอก ณัฎฐ์ คำอินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักยุทธการและการฝึก กรมยุทธการทหารอากาศ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ข้าราชการทหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในจังหวัดอุดรธานี เข้าร่วมพิธีเปิดและร่วมประชุม ณ ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี
นายราเชน ศิลปะรายะ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านปฏิบัติการ เปิดเผยว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตรมีภารกิจการปฏิบัติการฝนหลวงบรรเทาความรุนแรงของการเกิดพายุลูกเห็บ ซึ่งมีการดำเนินการในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนของทุกปี เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงฤดูร้อนที่มักจะพบการเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง การเกิดพายุฤดูร้อนและลูกเห็บตก ซึ่งสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนและพื้นที่การเกษตร กรมฝนหลวงและการบินเกษตรจึงได้เข้าไปช่วยบรรเทาภัยธรรมชาติด้วยการปฏิบัติการฝนหลวงเมฆเย็นเพื่อบรรเทาความรุนแรงจากพายุลูกเห็บ ด้วยการยิงพลุซิลเวอร์ไอโอไดด์ (AgI Flare) ที่ยอดเมฆซึ่งมีระดับอุณหภูมิ -4 ถึง -12 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเทคนิคการดัดแปรสภาพอากาศเพื่อทำให้กลุ่มเมฆตกเป็นฝนก่อนที่จะก่อยอดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเกิดลูกเห็บตกมาถึงพื้น ที่อาจสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินและชีวิตประชาชน
และในแต่ละปีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรมีการดำเนินงานร่วมกับกองทัพอากาศที่สนับสนุนเครื่องบินและเจ้าหน้าที่การบินในการปฏิบัติการภารกิจดังกล่าว โดยในปีงบประมาณ 2567 ที่ผ่านมา กรมฝนหลวงและการบินเกษตร โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก เชียงใหม่ อุดรธานี ขึ้นบินปฏิบัติการจำนวน 36 วัน ใช้พลุซิลเวอร์ไอโอไดด์ จำนวน 1,181 นัด ปฏิบัติการบริเวณพื้นที่ 15 จังหวัดภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก น่าน เชียงใหม่ อุทัยธานี เลย ชัยภูมิ อุดรธานี สกลนคร บึงกาฬ นครราชสีมา หนองบัวลำภู ลำปาง นครสวรรค์ และอุตรดิตถ์ ซึ่งผลปฏิบัติการพบว่า ไม่มีลูกเห็บตกในพื้นที่ปฏิบัติการ
นายราเชน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในปี 2568 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีแผนการปฏิบัติภารกิจบรรเทาความรุนแรงของการเกิดพายุลูกเห็บ ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม โดยตั้งหน่วยยับยั้งพายุลูกเห็บจังหวัดพิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ใช้เครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ชนิดปรับความดัน (SUPER KING AIR 350) จำนวน 2 ลำ และตั้งหน่วยยับยั้งพายุลูกเห็บจังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ใช้เครื่องบินกองทัพอากาศ ชนิดโจมตี (ALPHA JET) จำนวน 1 ลำ
ซึ่งผลปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2568 ถึงปัจจุบัน หน่วยฯ พิษณุโลก และหน่วยฯ อุดรธานี ขึ้นบินปฏิบัติการ จำนวน 3 วัน ปฏิบัติการบริเวณพื้นที่จังหวัดอุดรธานี สกลนคร ชัยภูมิ สุโขทัย และเพชรบูรณ์ ผลปฏิบัติการพบว่า ไม่มีลูกเห็บตกในพื้นที่ปฏิบัติการ
อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตรมีการตรวจวัดและติดตามสภาพอากาศเป็นประจำทุกวัน และมีการแจ้งเตือนสภาพอากาศในลักษณะฝนตก ลมกระโชกแรง และเกิดลูกเห็บ เพื่อเป็นข้อมูลให้ประชาชนระมัดระวัง และข้อมูลดังกล่าวจะนำมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนยับยั้งความรุนแรงของการเกิดพายุลูกเห็บและลดความเสียหายลงได้