ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ร่วมกับ DSI ตำรวจภูธรภาค 2 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ตกค้าง ยึดบุหรี่ไฟฟ้ากว่าแสนชิ้น มูลค่า 21.86 ล้านบาท

วันที่ 20 มีนาคม 2568 นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร ร่วมกันแถลงผลงานการยึดบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 121,490 ชิ้น มูลค่าของกล่งกว่า 21 ล้านบาท ณ บริเวณอาคารเก็บของกลาง สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 สำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง ร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบตู้สินค้าตกค้าง จำนวน 4 ตู้คอนเทนเนอร์ ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พบมีการซุกซ่อนบุหรี่ไฟฟ้าปะปนมากับสินค้าอื่นๆ โดยตู้ที่ 1 พบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 320 กล่อง (รวม 48,000 ชิ้น) มูลค่า 8,640,000 บาท ตู้ที่ 2 พบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 178 กล่อง (รวม 36,170 ชิ้น) มูลค่า 6,510,600 บาท ตู้ที่ 3 พบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 59 กล่อง (รวม 13,930 ชิ้น) มูลค่า 2,507,400 บาท และตู้ที่ 4 พบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จ านวน 103 กล่อง (รวม 23,390 ชิ้น) มูลค่า 4,210,200 บาท รวมทั้งสิ้น จำนวน 660 กล่อง (รวม 121,490 ชิ้น) มูลค่ารวม 21,868,200 บาท

อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 และเป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่อง สินค้าต้องห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ 2559 ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ 2557 และประกาศกรมศุลกากรที่ 185/2564 เรื่อง พิธีการศุลกากรว่าด้วยการผ่านแดนทางอิเล็กทรอนิกส์ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2564

สำหรับสถิติการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าในปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2561 ถึง 17 มีนาคม 2568 ) สามารถจับกุมได้ 302 คดี ปริมาณ 942,293 ชิ้น มูลค่า 112.13 ล้านบาท