หัวหน้าคนงานดับสลด ขณะคุมงานวางท่อร้อยสายไฟใต้ดิน ย่านถนนสุขสวัสด์ ก่อนสะดุดล้มพลัดตกบ่อพักลึก 7 เมตร

วันที่ 29 มันาคม 2568 มีรายงานว่า กลางดึกที่ผ่านมา ร้อยตำรวจเอกไพรวิทย์ ปรือทอง รอง สว.สอบสวน สน.บางคอแหลม รับแจ้งมีคนงานโครงการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟใต้ดิน พลัดตกลงไปภายในบ่อ บริเวณปากซอยสุขสวัสด์ 6 และภายในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที




เมื่อเจ้าหน้าที่พร้อมอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณปากซอยสุขสวัสดิ์ 6 ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางประกอก เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นลักษณะบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน มีความลึกประมาณ 7 เมตร อยู่ระหว่างก่อสร้างภายในบ่อพักดังกล่าวพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อ นายสมยศ อายุ 53 ปี มีตำแหน่งงานเป็นหัวหน้าผู้ควบคุมงานก่อสร้าง




คนงานก่อสร้างได้ช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาจากบ่อพักดังกล่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์นิติเวชตรวจสอบ พบว่า ผู้เสียชีวิตแต่งกายโดยสวมใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ไม่สวมรองเท้า มีบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณศรีษะ หน้าผากบวมปูด มีเลือดไหลออกปากและจมูกเป็นจำนวนมาก ที่บริเวณแขนข้างซ้ายมีบาดแผลจากการถูกกระแทกเป็นรอยบวมเขียวช้ำ สภาพเนื้อตัวเปียกเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำโคลน


จากการสอบถามนางสาวการ์ตูน อายุ 40 ปี คนงานก่อสร้าง กล่าว่า ตนทำความสะอาดถังตรงแบริเออร์ตรงนี้แล้วพี่เขาบอกหน้างานอยู่ตรงนี้ แล้วก็เดินบอกสัญญาณเครนจากนั้นพี่เขาก็เดินไปบนตรีม เดินไปประมาณ 4 ก้าว พอก้าวที่ 4 พี่เขาน่าจะสะดุดขาตัวเองแล้วก็เลยหล่นลงไป




ซึ่งสิ่งที่นางสาวการ์ตูน บอกก็สอดคล้องกับคนงานที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุต่างก็บอกตรงกันว่า ผู้เสียชีวิตมีตำแหน่งเป็นหัวหน้างาน ซึ่งระหว่างผู้ตายกำลังยืนควบคุมงานอยู่บริเวณขอบบ่อ อาจจะสะดุจอะไรบางอย่างแล้วเป็นเหตุให้ร่วงหล่นลงไปภายในบ่อ แล้วหัวไปกระแทกกับขอบบ่อกระเด็นไปกระแทกกับพื้นด้านล้างของบ่อดังกล่าวอย่างแรงอีกที จึงอาจจะเป็นเหตุทำให้นายสมยศเสียชีวิตทันที


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องรอผลจากการตรวจสอบของแพทย์นิติเวช และจะต้องตรวสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบ ถึงจะสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช